พ่อเด็ก 12 เผย ลูกเป็นเด็กดีขยัน หลังล่อลวง ด.ญ.5ขวบ ด.ช.7ขวบ ถ่ายคลิป แลกขนม พม.รุดพูดคุย ด้านพ่อเหยื่อลั่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอย้ายโรงเรียน

กรณีรุ่นพี่วัย 12 ปี ที่อยู่บ้านใกล้กับ ด.ช. 7 ขวบ และ ด.ญ. 5 ขวบ ล่อลวงถ่ายคลิปมีสัมพันธ์ แลกขนม-ตุ๊กตา เมื่อครอบครัวทราบเรื่องได้ร้องข้อความช่วยเหลือ หลังพ่อแม่เด็กที่ก่อเหตุไม่รับผิดชอบ หวั่นเรื่องเงียบ

ล่าสุด วันที่ 24 มิ.ย.2567 เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางไปที่บ้านของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ที่อยู่ในความดูแลของน้า ในตัวเมืองกำแพงเพชร เพื่อให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นพบพ่อของเด็กหญิง 5 ขวบ ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกตน โดยเฉพาะคลิปวิดีโอที่ตนได้มา กลัวว่าจะมีการเผยแพร่ต่อๆกันไป อาจทำให้เกิดความกระทบกระเทือนจิตใจของเด็กและครอบครัว

พ่อวัย 37 ปี กล่าวอีกว่า ส่วนฝั่งผู้ก่อเหตุยังไม่มีการเข้ามาขอโทษหรือเจรจาแต่อย่างใด โดยเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.2567) ก็ไปเจอกันที่โรงพักแต่ก็ไม่มองหน้ากัน

หลังจากนี้ จะนำลูกสาววัย 5 ขวบ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร พร้อมกับหลักฐานอื่น แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ขอยืนยันจะสู้ในทางคดีให้ถึงที่สุด ส่วนเรื่องที่ขอให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ย้ายสถานที่เรียนให้กับบุตรสาวเนื่องจากเกรงว่าไม่ปลอดภัยหากอยู่ที่เดิม

ซึ่งเจ้าหน้าที่ พม.ได้ประสานสถานที่เรียนแห่งใหม่ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทางคดีทางเจ้าหน้าที่ จะเข้าไปติดตามเรื่องคดีคืบหน้าต่อไป

ขณะเดียวกัน เมื่อเดินทางไปพบกับครอบครัว ด.ช.วัย 7 ขวบ โดย แม่น้อง เล่าว่า หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกับพ่อของเด็กหญิง 12 ปี ที่ก่อเหตุ ซึ่งไม่ค่อยรับฟังสักเท่าไหร่ยังเชื่อว่าลูกนั้นเป็นเด็กทำอะไรไม่ผิด

ซึ่งตนเป็นญาติกับฝ่ายก่อเหตุด้วยก็ไม่อยากเอาเรื่องอะไรเพราะลูกของตนเป็นผู้ชาย แต่ในส่วนของเด็กหญิง 5 ขวบ อันนี้เป็นเรื่องของเขา ในส่วนของตนนั้นก็มีฝากให้ฟังรุ่นพี่อายุ 12 ปี ดูแลเพราะบ้านอยู่ติดกัน ไม่คิดว่าจะพาลูกของตนไปทำแบบนี้

ต่อมาเดินทางไปยัง บ้าน ด.ญ. อายุ 12 ปี พบกับ นายแดง (นามสมมติ) อายุ 52 ปี พ่อของเด็ก เล่าว่า ลูกสาวมาอยู่กับตนได้เพียงปีเศษ เนื่องจากแม่เสียชีวิต ซึ่งในช่วงระหว่างอยู่กับตนเป็นเด็กดีขยัน อยู่ง่ายกินง่าย ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกสาวมีพฤติกรรมแบบนี้ พอถามก็พูดคำตอบคำ

ซึ่งตนก็ดูแลใกล้ชิดตลอดไม่รู้ว่ารอดหูรอดตาไปได้อย่างไร ซึ่งตนได้ตักเตือนลูกสาวแล้ว เชื่อว่าน่าจะรู้สึกผิดและสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะมีรูปของตนเองอยู่ในคลิปทำให้อับอาย ส่วนของคดีความจากนี้ไปต้องหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ยกันทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกร่วมกัน

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน