ป.ป.ช. เปิดเสวนา ถกปมบุกรุกป่าสงวนฯป่าคำใหญ่-คำขวาง ร้อยเอ็ด แฉนายทุนสั่งชุดม้าเร็วเข้าถางป่า หวังรอจัดสรรที่ดิน คทช.
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่โรงแรมร้อยเอ็ด โฮเทล อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการจัดเสวนาในประเด็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคำใหญ่-คำขวาง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยมีนายมงคล วุฒินิมิต ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช. นายประทีป จูฑะศร รองเลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 4 นายอนุชา พึ่งบุญศรี ผอ.ป.ป.ช.จังหวัดร้อยเอ็ด และนายสนธยา วีระไทย ผอ.กลุ่มไต่สวน 2 สำนักไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมเสวนา
นายประทีป กล่าวว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต เรามุ่งเน้นการป้องกัน เพราะหากไล่จับตอนเกิดเหตุจะแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดปัญหา วันนี้การเฝ้าระวังเหมือนแพทย์โดยวินิจฉัยโรค และรักษาด้วยกานฉีดวัคซีน ถ้าไม่หายต้องผ่าตัด หากไม่หายก็นำไปสู่การฌาปนกิจ หรือการส่งฟ้องศาล เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับบทลงโทษ ส่วนปัญหาการทุจริตด้านทรัพยากรป่าไม้ เช่น การลักลอบตัดไม้พะยูง และเมื่อตรวจสอบมักมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งคดีทรัพยากรธรรมชาติ มักมีความซับซ้อน ยากต่อการพิสูจน์ แต่ป.ป.ช.มีอำนาจในการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งต้องร่วมตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ไห้มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสำหรับการร้องเรียนการทุจริตจากภาคประชาชน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะถูกร้องเรียนมากที่สุด
ด้านนายอนุชา กล่าวว่า ในส่วนของจ.ร้อยเอ็ด เกี่ยวกับคดีทรัพยากรป่าไม้ เมื่อมีการรับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่รีบลงพื้นที่ตรวจสอบ และเข้าแจ้งความทันที ซึ่งจะไม่มีปัญหาเรื้อรังมาก ส่วนปัญหาการบุกรุกป่าเกิดจากราษฎรเข้ามาอาศัยทำกินในพื้นที่ป่า รวมถึงปํญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง แต่เนื่องจากเรามีเครือข่ายซีดีซี ในการเฝ้าระวัง กลุ่มผู้อิทธิพลก็ไม่ค่อยมีอิทธิพลมาก เพราเเครือข่ายมีความเข้มแข็ง ประชาชนร่วมกันตรวจสอบผู้บริหารส่วนท้องถิ่นก็ไม่กล้าทุจริต หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ชุมชนในพื้นที่ต้องมีความเข้มแข็ง
ขณะที่นายสนธยา ระบุถึงการไต่สวนคดีทรัพยากรฯ ว่า เมื่อมีกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐ คทช. มักจะเกิดข้อร้องเรียน ซึ่งกลุ่มที่จะเข้าไปทำประโยชน์งในพื้นที่ป่า จะมี 2 กลุ่ม คือ คนจนมากๆ เพื่อเข้าไปอาศัยทำกิน และอีกกลุ่มคือ กลุ่มคนรวยมากๆ ที่มีอำนาจต่อรองกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีกำลังที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับการร้องเรียนป่าคำใหญ่-คำขวาง อยู่ในต.หนองขาม ต.หนองหมื่นถ่าน และต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ไม่ใช่ป่ารกทึบ แต่เป็นป่าที่มีการแผ้วถางมาแล้ว เสมือนมีการทำประโยชน์มาก่อน และเจอหลักสปก. และเมื่อพบว่าพื้นที่ป่านั้นๆ มีการใช้ประโยชน์มาก่อน ก็มักจะมีกลุ่มคนไปยื่นขอเอกสารสิทธิ สค.1 เพื่อออกโฉนด แต่ก็โชคดีที่เจ้าหน้าที่กรมที่ดินสามารถตรวจสอบ และสกัดกั้นการออกเอกสารสิทธิได้
นายสนธยา กล่าวอีกว่า เรื่องการจัดสรรที่ดินของ คทช. มีปัญหาทั่วทุกที่ เหมือนเป็นกฎหมายที่นิรโทษกรรมให้คนที่อยู่กินมาก่อนได้อาศัยทำกินอยู่ในป่าอย่างไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็พบปัญหาเพราะมีบางกลุ่มที่รู้ล่วงหน้าว่าจะมีการจัดสรรที่ดินคทช. ก็จัดชุดม้าเร็วลุยป่าเข้าไปแผ้วถางป่าให้มีลักษณะการทำประโยชน์มาก่อนแล้ว ซึ่งในจุดนี้ป.ป.ช.ก็กำลังจับตาอยู่ โดยในวันพรุ่งนี้ (15ส.ค.) จะลงไปตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคำใหญ่-คำขวาง ที่มีการบุกรุกประมาณ 50 ไร่ ซึ่งทางนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. จะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง