ครอบครัวร้อง กสม. ติดใจสาเหตุการตาย หนุ่มไทย ตกตึกดับปริศนาที่ปอยเปต ข้องใจข้อความสุดท้าย เปิดดูศพไม่เป็นอย่างที่คิด หวังได้รับความเป็นธรรม
กรณี นายฐาปกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการชักชวนเข้าไปทำงานที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้เพียง 4 วัน แล้วตกตึกเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ซึ่งครอบครัวได้แจ้งความกับ สภ.เมืองกาญจนบุรี เนื่องจากติดใจสาเหตุการตาย
ล่าสุดผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าบาดเจ็บรุนแรงทรวงอก ไขสันหลังอกหัก ขณะที่ครอบครัวตั้งข้อสังเกตว่าการตกตึก 15 ชั้นน่าจะทำให้สภาพร่างกายเละกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 ส.ค.67ที่ผ่านมา ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เรื่องขอความเป็นธรรมให้กับเหยื่อค้ามนุษย์ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ โดยระบุว่าประมาณวันที่ 17 ส.ค.2567 บุตรชายของตนได้แจ้งข้อมูลคร่าวๆ ว่าจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา โดยไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าใครชวนไปทำ ที่ไหน อย่างไร ทำงานเกี่ยวกับอะไร สิ่งที่แจ้งมีเพียงว่าได้เงินค่าตอบแทนดี
“บุตรชายของข้าพเจ้าไม่เคยเดินทางไปทำงานที่ต่างแดนหรือที่ไกลบ้านมาก่อน แต่เนื่องจากกำลังตกงานและต้องการหารายได้เพื่อจุนเจือครอบครัวและให้แม่ไว้ใช้จึงตัดสินใจไปทำงานดังกล่าว”หนังสือร้องเรียนของครอบครัวระบุ
หนังสือถึง กสม.ระบุด้วยว่า เมื่อครอบครัวทราบว่าไปทำงานต่างประเทศก็กังวลใจเรื่องความปลอดภัย เช้ามืดวันที่ 22 ส.ค.2567 บุตรชายคนได้แจ้งให้แม่และน้องชายทราบว่าอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายถึงชีวิตกับตนเอง โดยในข้อความไม่ได้ระบุว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทางครอบครัวยังไม่ทันได้ดำเนินการอะไร ประมาณ 11.00 น. ก็ได้รับแจ้งว่าบุตรชายกระโดดตึกเสียชีวิตแล้ว
“ได้มีการประสานให้เดินทางเข้าไปรับศพในวันที่ 23 ส.ค.2567 ไม่มีค่าใช้จ่ายนอกจากค่ารถในการเดินทางไปรับศพ เดินทางกลับมาถึงประมาณ 22.00 น. เป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้ว ต่อมาวันที่ 24 ส.ค.2567 ซึ่งต้องรดน้ำศพวันแรก ได้มีการเปิดดูศพรู้สึกสงสัยว่า ทำไมสภาพศพผู้ตายไม่เละ ก็ติดใจมาเรื่อยๆ
ประกอบกับข้อความที่ส่งมา แต่ทหารท่านหนึ่งแจ้งว่าเนื่องจากเรื่องเกิดที่ประเทศกัมพูชา ตำรวจไทยอาจจะทำอะไรได้ไม่มากนัก ทางญาติก็คิดว่าอาจจะทำอะไรไม่ได้จริงๆ เมื่อไปแจ้งความเพื่อจะนำร่างไปชันสูตร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แจ้งว่า เป็นเรื่องที่เกิดนอกราชอาณาจักรเกินอำนาจและทำได้เพียงออกใบนำส่งเพื่อชันสูตรศพให้ได้ แต่จะไปดำเนินคดีอะไรคงจะไม่ได้เนื่องจากเหตุเกิดที่อื่นไม่ได้เกิดในประเทศเรา”หนังสือของครอบครัวที่ร้องเรียนระบุ
หนังสือยังระบุด้วยว่า ทางญาติติดใจจากทั้งข้อความที่ผู้ตายส่งมาก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตและสภาพศพซึ่งไม่เละ ทั้งที่ในเอกสารส่งศพระบุว่าเสียชีวิตที่ อาคารที่พักพนักงาน บริษัทคาสิโน เลขที่ A91513 ชั้นที่ 15 บ้านกะบาลสะเปียน 1 แขวงโอร์โจรว กรุงปอยเปต จ.บันเดียเมมียนเจย ประเทศกัมพูชา สาเหตุตกจากอาคารความสูง 15 ชั้น อาการสาหัสทำ ให้เสียชีวิต และไม่ระบุชื่อคาสิโน
ขณะที่เอกสารใบแจ้งตายจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 27 สิงหาคม 2567 ระบุว่า บาดเจ็บรุนแรงทรวงอกและไขสันหลังอกหัก ซึ่งจากสภาพศพยังมีบาดแผลที่บริเวณข้อเท้าและกระดูกแขนผิดรูป
“หากตกจากชั้น15จริงผู้ตายน่าจะได้รับแรงกระแทกอย่างแรงจนสภาพศพเละบริเวณร่างกายและกะโหลกศีรษะแตกร้าว กระดูกบิดเบี้ยวหรือไม่ จึงใคร่ขอร้องเรียนมายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อกรุณาติดตามข้อเท็จจริงและสาเหตุการตายของนายฐาปกรณ์ ซึ่งเป็นคนไทยและอาจถูกฆาตกรรม โดยอ้างว่าผู้ตายกระโดดตึกเพื่อเป็นการอำพรางคดีปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางครอบครัวได้ทำการฌาปนกิจศพนายฐาปกรณ์แล้วเนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการเก็บร่างรอพิสูจน์หลักฐานได้ ในขณะที่ทางกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้เมืองปอยเปตเป็นแหล่งอาชญากรรมสำคัญของกลุ่มจีนเทาที่ทำธุรกิจผิดกฏหมายทั้งการพนันออนไลน์ และต้มตุ๋นหลอกลวงทางสื่อโซเชียล โดยกลุ่มมาเฟียจีนเทาเหล่านี้มีแหล่งหากินอยู่รอบชายแดนไทยทั้งที่อาณาจักรคิงส์โรมัน บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ประเทศพม่า ตรงข้างกับ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยเมื่อมีการจับกุมปราบปรามจุดใดจุดหนึ่ง ขบวนการมาเฟียเหล่านี้จะโยกย้ายไปอีกแหล่งหนึ่งโดยใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน ซึ่งล่าสุดทางการลาวและจีนได้ปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้ในอาณาจักรคิงส์โรมัน ทำให้เหล่าจีนเทาเคลื่อนย้ายหลบหนีไปยังแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดี และเมืองปอยเปต