อีกแล้ว ครูลืมเด็ก 2 ขวบ ไว้บนรถตู้ นาน 7 ช.ม. ให้เยียวยา 15,000 เซ็นไม่เอาเรื่อง หรือเรียกร้องอะไรอีก แต่พ่อแม่ไม่ยอมเซ็น ก่อนเรื่องไป

จากกรณีเพจ ข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์ โพสต์รูปภาพเด็ก 2 ขวบ พร้อมระบุข้อความว่า “ลูกเพจแจ้งมา ครูเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ลืมเด็ก 2 ขวบไว้ในรถตู้ ตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 3 เด็กมีอาการหมดสติ ตาค้าง ตัวเหลือง โชคยังดี หมอช่วยไว้ทัน แต่เรื่องเหมือนจะจบ เมื่อ นายกฯ เทศบาล รวบรวมเงินสด 1 หมื่นบาท ครูเวร 5 พันมาให้ พร้อมเสนอจะรับพ่อแม่เด็กเข้าทำงานในเทศบาล เพื่อเป็นการเยียวยา โดยให้พ่อแม่เด็กเซ็นสัญญา 1-2-3-4 ว่าหลังจากเซ็นแล้ว ห้ามพ่อแม่เด็กเรียกร้องสิทธิ์อะไรอีก แต่พ่อแม่เด็กไม่เซ็น #ใช้งบหลวงเยียวยาแบบนี้ก็ได้หรอ”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกโพสต์ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันจำนวนมาก เบื้องต้นทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเด็กคนดังกล่าว อายุเพียง 2 ขวบ 7 เดือน เป็นเด็กนักเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ของเทศบาลแห่งหนึ่งใน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของเด็กคนดังกล่าว อยู่ใน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ พบว่าครอบครัวมีความวิตกกังวล เกี่ยวกับอาการ ผลข้างเคียงที่จะตามของน้องนาเดียร์ เพราะหลังจากเกิดเหตุและออกจากโรงพยาบาล ผิวหนังที่มือเท้าลอก จากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และมีอาการผวาไม่อยากไปโรงเรียน ชุดนักเรียนก็ไม่ยอมใส่ แค่เห็นหน้าโรงเรียนก็ร้องไห้ ครอบครัวจึงตัดสินใจไม่ให้ไปโรงเรียน และช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อดูอาการอยู่ที่บ้าน

พ่อของน้องนาเดียร์ เล่าว่า ทันทีที่ทราบข่าวว่าลูกสาวติดอยู่ในรถตู้ ตนทั้งตกใจและใจหายมาก เคยเห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดกับลูกสาว จึงอยากให้เทศบาล มารับผิดค่าเยียวยา ให้สมเหตุสมผลมากกว่านี้ และในส่วนของการรักษา อยากให้มาดูแลรับผิดชอบจนกว่าครอบครัวมั่นใจว่าจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ เกี่ยวกับสมอง เพราะน้องติดอยู่ในรถตู้นานถึง 7 ชั่วโมง เช้าถึงเย็น และในส่วนของเงิน 10,000 บาท ที่เทศบาลใส่ซองมาให้ ตนมองว่าน้อยเกินไปสำหรับชีวิตลูกสาว เพราะที่บ้านก็ไม่ค่อยมีเงิน ถ้าวันข้างหน้าน้องเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ตนคงไม่มีเงินพาน้องไปรักษา จึงอยากให้เทศบาลเข้ามาดูแลเรื่องค่าเยียวยา ให้สมเหตุสมผลมากกว่านี้

ด้านแม่ของน้องนาเดียร์ เล่าว่า วันดังกล่าวทางครูที่โรงเรียนโทรมาบอกว่า น้องนาเดียร์ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ซึ่งไม่คิดว่า ครูจะลืมลูกสาวไว้ในรถตู้ ตั้งแต่เช้าถึงเย็นบ่าย 3 โรงเรียนเลิก และวันนั้นอากาศก็ร้อนด้วย ตอนนั้นใจหาย จึงรีบขี่รถไปหาลูกที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล ก็เห็นสภาพลูก นอนนิ่ง ตาค้าง แล้วใจตกไปอยู่ตาตุ่ม คิดในใจว่าลูกคงไม่รอดแล้ว กลัวไม่ได้ลูกคืนมา แต่โชคดีที่ลูกฟื้นขึ้นมาไม่ถึงเสียชีวิต โดยครูเวรในวันดังกล่าวบอกว่านับน้องลงจากรถตู้แล้ว ครบ 13 คน และขึ้นไปเช็กบนรถแล้วไม่มีใครอยู่บนรถตู้แล้ว ซึ่งตนไม่คิดว่าครูจะลืมลูกสาวของตนไว้บนรถตู้จนถึงบ่าย 3 โมงเย็น คนขับรถตู้มาพบว่า น้องนาเดียร์นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นรถแถวที่สอง จึงรีบแจ้งครูและนำส่งโรงพยาบาล

แม่ของน้องนาเดียร์ เล่าว่า สำหรับการเยียวยา เทศบาลให้เงินสดมา 10,000 บาท และให้ตนไปทำงานในกองการศึกษาในเทศบาล ส่วนทางครูเวรออกค่าห้องพิเศษให้ 2,000 บาท ค่าขนมน้อง 500 และวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาให้เพิ่ม 5,000 บาท และถามว่าโอเคไหม แต่ตนยังไม่ตอบ และทางครูเวรก็นำหนังสือสัญญามาให้เซ็นว่า ตนได้รับเงินเยียวยา 15,000 บาท ค่าห้องพิเศษ 2,000 บาท

โดยข้อ 4 ระบุว่า “ในการทำสัญญาฉบับนี้ ผู้รับสัญญาได้รับเงินช่วยเหลือตามข้อ ๑ ข้อ ๒. และข้อ ๓. เรียบร้อยแล้ว และผู้รับสัญญาสละสิทธิและไม่ติดใจเรียกร้องเงินหรือค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนอื่นใดจากความเสียหายต่อร่างกาย หรือค่าเสียหายในลักษณะเดียวกันนี้ จากผู้ให้สัญญาอีกรวมทั้งไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับผู้ให้สัญญาผู้ช่วยเหลือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย” แต่ตนไม่เซ็นและบอกครูเวรว่า ขอเพิ่มเงินเยียวยาอีก 33,000 บาท ให้ครบ 50,000 บาท เพราะมองว่าน้อยไปสำหรับชีวิตลูกสาว แต่เรื่องก็เงียบไป

ส่วนเรื่องงานที่เสนอมา ตนก็ตัดสินใจไม่ไปทำ อยากขอเป็นเงินก้อนไว้รักษาลูกสาวดีกว่า เพื่อในวันข้างหน้าลูก เกิดป่วยเป็นอะไรขึ้นมา จะได้มีเงินรักษา และตนมองว่าถ้าตนขอเพิ่มทั้งเงิน และไปทำงานด้วย ก็เหมือนว่ามากไป และถ้าไปทำงานก็เหมือนว่าตนเข้าไปทำงานแบบไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะมีผลอย่างไรกับตัวเองหรือไม่ จึงตัดสินใจไม่ไปทำงาน ไปแค่วันแรกวันเดียว แล้วก็ไม่ไปอีกเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน