รวบ เจ๊จ๋า ปากน้ำ ร่วม แก๊งค้ามนุษย์ หลอกเหยื่อลงเรือประมงนรก บังคับทำงานเยี่ยงทาส ขัดขืนถูกโยนทิ้ง ต้องลอยทะเลนาน 3 วัน รอดมาได้
วันที่ 17 ก.ย.2567 พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.สั่งการให้ พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.ท.บุรินทร์ กะปิตถา สว.กก.1 บก.ปคม.นำกำลังจับกุม นางสมปอง (สงวนนามสกุล) หรือ เจ๊จ๋า อายุ 62 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2295/2557 ลงวันที่ 19 ธ.ค. 2557
ข้อหา สมคบค้ามนุษย์จากการบังคับใช้แรงงาน,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ,ร่วมกันเพื่อจะเอาคนลงเป็นทาส หรือให้มีฐานะคล้ายทาส นำเข้าในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ,ขาย จำหน่าย หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลหนึ่งบุคคลใด” ได้ในวัดโพธิยาราม (ทองคง) ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ
จากการจับกุมทราบว่า เมื่อปี 2555 ตำรวจบก.ปคม. รับประสานจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่า มีผู้เสียหายซึ่งถูกนายหน้าจัดหาแรงงานหลอกพาไปทำงานบนเรือประมง รายได้ดี เมื่อไปถึงย่านปากน้ำสมุทรปราการ กลับถูกนางสมปอง หรือ “เจ๊จ๋า ปากน้ำ” พาตัวไปยังร้านคาราโอเกะของตน แล้วบังคับให้เซ็นสัญญาทาส กักขังไว้ในห้องพักข่มขู่ไม่ให้หลบหนี
จากนั้นถูกส่งตัวไปขึ้นเรือประมงและถูกส่งต่อไปยังเรืออื่นๆ เป็นทอดๆ กลางทะเลประเทศมาเลเซีย ระหว่างนั้นยังถูกไต๋เรือบังคับใช้แรงงานอย่างหนัก ถูกทำร้ายจนปางตาย และถูกจับโยนทิ้งกลางทะเล ต้องลอยคออยู่ในน้ำนานกว่า 3 วัน ก่อนจะได้รับช่วยเหลือจากเรือสินค้าเวียดนามที่ล่องทะเลผ่านมา สามารถรอดชีวิตกลับประเทศมาได้
ภายหลังจากหลังรับเรื่องพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 ราย พร้อมติดตามจับกุมไปได้แล้วบางส่วน
กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่าปัจจุบัน นางสมปอง ผู้ต้องหาสำคัญ ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่เนื่องจากในหมายจับกุมยังเป็นแค่ภาพสเก็ตซ์ ทำให้รอดการจับกุมมาได้เป็นเวลากว่า 10 ปี ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจสอบคำให้การของผู้ต้องหาเดิมที่ถูกจับไปแล้วจนสามารถพิสูจน์ตัวบุคคล และตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน นางสมปอง รับสารภาพว่า เคยร่วมส่งคนไทยและคนงานต่างด้าวขึ้นเรือประมงไปถูกบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสมาหลายรายแล้ว นอกจากนี้ยังเคยถูกตำรวจจ.สมุทรปราการ จับกุมดำเนินคดีค้ามนุษย์มาแล้ว ถูกศาลตัดสินจำคุกมาแล้ว 3 ปี กระทั่งมาถูกจับกุมอีกครั้งในคดีนี้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ดำเนินคดีต่อไป