วันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการกู้ซากเรือโบราณ บริเวณท่าเรือข้ามฟากวัดเฉลิมอาสน์ หมู่ 2 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี จึงรุดตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิสว่างราชบุรีกำลังเก็บกู้ซากเรือ ที่จมน้ำลึกเกือบ 2 เมตร อยู่บริเวณข้างท่าเทียบเรือข้ามฟากริมแม่น้ำแม่กลอง หลังวัดเฉลิมอาสน์ โดยมีชาวบ้านจำนวนมากมาดูด้วยความสนใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้อุปกรณ์เข้าช่วยในการเก็บกู้ ทั้งรอก เชือก และสลิง โดยชาวบ้านต่างช่วยกันลากดึงเรือขึ้นมาอย่างแข็งขัน ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถนำเรือขึ้นฝั่งได้สำเร็จ

โดยพบว่าเรือดังกล่าวทำจากไม้ มีสภาพผุพังเป็นอย่างมาก หลงเหลือเพียงแค่ด้านท้ายครึ่งลำเรือ แท่นวางเครื่องยนต์ และหางเสือ กรุด้านนอกด้วยไฟเบอร์ มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี มีดินโคลน ตะไคร้น้ำเกาะทั้งลำเรือ

นายสมคิด แก้วหอม อายุ 62 ปี ชาวบ้านท่าเรือวัดเฉลิมอาสน์ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน นายวิชัย แก้วหอม ซึ่งเป็นน้องชายของตน ได้ฝันเห็นแม่ย่านางประจำเรือลำนี้ บอกว่าตอนนี้ลำบากและหนาวมาก อยากขอให้ช่วยนำขึ้นจากน้ำ แล้วนำไปไว้ใต้ต้นโพธิ์ริมแม่น้ำหลังวัดเฉลิมอาสน์ น้องชายจึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาปรึกษากับคนในครอบครัว เพื่อความสบายใจทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะนำเรือลำนี้ขึ้นมาตามความฝัน จนกระทั่งมีความพร้อมจึงประสานเจ้าหน้าที่ช่วยเก็บกู้ ซึ่งนอกจากน้องชายของตนที่ฝันเห็นแล้ว ก็ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ฝันคล้ายกัน บางคนก็ฝันเห็น พระโพธารามคณารักษ์ หรือหลวงพ่อเกลี้ยง อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดเฉลิมอาสน์ มาบอกว่าให้ช่วยนำเรือขึ้นมาจากน้ำแล้วนำไปไว้ที่วัดให้ที

ด้าน นางสุรีย์ สุวรรณประเสริฐ อายุ 84 ปี อดีตคนขับเรือลำดังกล่าว เปิดเผยว่า เรือลำนี้ชื่อว่า “ไอ้ตั้น” มีอายุมากกว่า 100 ปี เดิมเป็นเรือที่มีผู้มีจิตศรัทธา หลวงพ่อเกลี้ยง อดีตเจ้าอาวาส นำมาถวาย เนื่องจากสมัยก่อนถนนหนทางยังไม่สะดวก การข้ามฝั่งแม่น้ำแม่กลองทำได้เพียงการใช้เรือ โดยตนมีหน้าที่ถ่อเรือลำดังกล่าวนำพระและเณรข้ามฟากไปบิณฑบาตโปรดญาติโยมในตลาดเทศบาลเมืองโพธาราม มาตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งหลวงพ่อเกลี้ยงท่านมีเมตตาให้ชาวบ้านได้ใช้อาศัยข้ามแม่น้ำเพื่อสัญจรไปมาด้วย โดยเก็บค่าโดยสารสำหรับเป็นค่าจ้างให้กับคนขับเรือ ในราคา 25 สตางค์

ต่อมามีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ทำให้การสัญจรของชาวบ้านสะดวกมากยิ่งขึ้น ประกอบกับมีการก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ จึงทำให้เรือดังกล่าวถูกทิ้งร้าง และผุพังตามกาลเวลา กระทั่งจมลงสู่ก้นแม่น้ำริมท่าเรือ ซึ่งการนำไอ้ตั้นขึ้นมาสู่ผิวน้ำ สำหรับตนแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าอดีตได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

หลังจากการกู้ซากเรือสำเร็จลุล่วงแล้ว ทางครอบครัว นายสมคิด ตั้งใจว่าจะทำพิธีบวงสรวงในเช้าของวันที่ 11 เม.ย.นี้ และจะทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณในช่วงเย็นวันเดียวกัน จากนั้นจะนำไปตั้งไว้ที่บริเวณใต้ต้นโพธิ์หลังวัด รวมทั้งได้มีการพูดคุยกันว่าจะทำการบูรณะซากเรือให้มีสภาพสมบูรณ์คล้ายในอดีตให้ได้มากที่สุด ก่อนจะสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ส่งต่อสู่รุ่นลูกหลานสืบไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน