เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 9 เม.ย. ร.ต.ท.หญิง ขวัญสิรินาฎ ไทยราช รอง สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกยิงภายในหมู่บ้านธินวุฒิ ซอย 3 ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ม.3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.สส.สภ.วิชิต และหน่วยกู้ชีพเทศบาลวิชิต
ที่เกิดเหตุภายในบ้านเลขที่ 12/319 ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วกำแพงหน้าบ้าน และมีประตูกระจกสไลด์ พบผู้บาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งเป็นพ่อแม่ลูกกัน ทราบชื่อคือ นายสมชาย เคียงจันทร์ อายุ 42 ปี อาชีพครูสอนนาฏศิลป์ มีบาดแผลถูกยิงที่คอด้านซ้าย 1 นัด เลือดไหลนองพื้น อาการสาหัส ส่วนนาง อุรารัตน์ เคียงจันทร์ อายุ 43 ปี ภรรยา ถูกยิงที่เเขน 1 นัด ขา 1 นัด ที่หลังบริเวณส่วนเอวอีก 2 นัด นิ้วมือด้านขวาหัก และผู้บาดเจ็บอีกรายซึ่งเป็นลูกชาย คือ นายธนาวัฒน์ เคียงจันทร์ 20 ปี ถูกยิงที่ขาขวา และด้านหลัง บริเวณเอว เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่วิทยาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุในช่วงบ่ายของวันที่ 9 เ.ม.ย.ที่ผ่านมา นายสมชายซึ่งมีอาชีพเป็นนักแสดงและเป็นครูสอนนาฏศิลป์ได้มีการซ้อมการแสดงให้กับลูกศิษฐ์ที่มาเรียนตามปกติ ก่อนที่จะแยกย้ายกลับในช่วงเย็น ซึ่งชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเห็นจนชินตา ต่างคนต่างเข้าบ้านเตรียมตัวเข้านอนตามปกติ กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น. ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 7 นัด เพื่อนบ้านจึงรีบออกมาดู ก็พบว่านายธนาวัฒน์คลานออกมาขอความช่วยเหลืออยู่กลางถนนหน้าบ้าน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ชีพเข้าช่วยเหลือ
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้หาเบาะแสคนร้ายเพิ่มเติม จนทราบว่าคนร้ายน่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่ชื่อนายอ้น ซึ่งอยู่ติดกัน เป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงทั้ง 3 คนจนบาดเจ็บ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสภ.สกัดจับรถต้องสงสัยที่คาดว่านายอ้นจะใช้หลบหนี กระทั่ง พบรถคันดังกล่าวกำลังวิ่งออกผ่านด่านตรวจท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง มุ่งหน้าไป จ.พังงา จึงเรียกตรวจค้นแต่ไม่พบตัวนายอ้น พบเพียงพ่อของนายอ้นซึ่งเป็นผู้ขับขี่ คาดว่านายอ้นผู้ก่อเหตุได้เปลี่ยนแผนหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด ต้องรอสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้นเชื่อว่าอาจจะยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่
