ดราม่า แย่งกันเผาศพพ่อ พี่ชายเอาคำสั่งศาลสั่งห้าม 2แม่ลูกร่ำไห้ ยันจะขอสู้ตามกฎหมาย ให้ได้เผาศพพ่อที่บ้านเกิดและนำกระดูกไปไว้คู่กับแม่

วันที่ 6 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงวัย 50 ปี กอดลูกสาวร่ำไห้กลางงานสวดศพพ่อแท้ๆ หลังเตรียมจะจัดพิธีเผาศพในวันพรุ่งนี้ แต่ถูกพี่ชายบุกกลางงาน นำคำสั่งศาลห้ามไม่ให้เผาศพพ่อ อ้างต้องการจะนำกลับไปเผาที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าตัวยืนยันจะขอสู้ตามกฎหมาย ให้ได้เผาศพพ่อที่บ้านเกิดและนำกระดูกไปไว้คู่กับแม่

นางพรรนี อายุ 50 ปี และนางสาวมณฑกานต์ ซึ่งเป็นลูกสาว กอดคอกันร่ำไห้ด้วยความเศร้าเสียใจ หลังจากที่เตรียมจะจัดพิธีฌาปนกิจศพ นายเพิก อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นพ่อของนางพรรนี ตามกำหนดการเดิมในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 แต่กลับถูก นายธวัชชัย ซึ่งเป็นพี่ชายของนางพรรนี บุกเข้ามากลางงานศพ พร้อมนำคำสั่งศาลจังหวัดกาญจนบุรี สั่งห้ามไม่ให้มีการดำเนินการใดๆกับศพของนายเพิก มาแจ้งให้ทราบ

พร้อมประกาศว่า จะนำศพของนายเพิก กลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ทำให้นางพรรนี รวมถึงลูกหลานของนายเพิกทุกคน ที่ร่วมกันจัดเตรียมงานกันมาอย่างเต็มที่ ต่างรู้สึกตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยนางสาวมณฑกานต์ ซึ่งเป็นลูกสาวของนางพรรนี กล่าวทั้งน้ำตาว่า นายเพิก อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นตาของตน ถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ซึ่งเมื่อตนและแม่ทราบว่าตาป่วยเป็นมะเร็ง ก็ได้เดินทางไปรับตากลับมาดูแลที่บ้านของแม่ ในพื้นที่ตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ดูแลเรื่อยมา

ดราม่า แย่งกันเผาศพพ่อ พี่ชายเอาคำสั่งศาลสั่งห้าม 2แม่ลูกร่ำไห้ ยันจะขอสู้ตามกฎหมาย

ดราม่า แย่งกันเผาศพพ่อ พี่ชายเอาคำสั่งศาลสั่งห้าม 2แม่ลูกร่ำไห้ ยันจะขอสู้ตามกฎหมาย

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายเพิกก็ได้เสียชีวิตลง ทางตนเองและแม่ รวมถึงญาติๆก็ได้ช่วยกันจัดเตรียมงานศพ โดยสวดพระอภิธรรมศพที่วัดรางกระต่ายรังสรรค์ มาตั้งแต่คืนวันที่ 4 พฤศจิกายน และจะมีพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่วัดรางกระต่ายรังสรรค์ แต่ปรากฏว่า ในวันนี้ 6 พฤศจิกายน 2567

นายธวัชชัย ซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ ได้มาโวยวายในงาน พร้อมนำคำสั่งศาลมาแจ้งกลางงาน ว่าจะไม่ให้มีการเผาศพของนายเพิกตามกำหนด โดยจะขอนำศพของนายเพิก กลับไปประกอบพิธีที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลใดๆให้ทางครอบครัวของตนทราบ ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจ ว่านายธวัชชัยมีเหตุผลหรือมีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ จึงต้องการจะนำศพของนายเพิกกลับไปจัดพิธีศพที่จังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ตนและแม่ยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง

ที่ต้องการจะจัดพิธีศพที่จังหวัดกาญจนบุรี ก็เพราะที่ผ่านมา ทางครอบครัวช่วยกันดูแลนายเพิกมาตลอด จนกระทั่ง นายเพิกสิ้นใจที่บ้านแม่ของตนในอำเภอท่ามะกา อีกทั้ง กระดูกของภรรยาของนายเพิกและลูกชายอีกคนของนายเพิกที่เสียชีวิตไป ก็ถูกเก็บไว้ที่วัดรางกระต่ายรังสรรค์แห่งนี้ ตนจึงอยากที่จะให้กระดูกของทั้งสามคนได้อยู่รวมกัน

โดยตนและแม่ได้ไปปรึกษาทนายความและยืนยันที่จะต่อสู้ด้วยกระบวนการทางกฎหมายจนถึงที่สุด เพื่อให้ศพของนายเพิกได้ประกอบพิธีฌาปนกิจที่จังหวัดกาญจนบุรีให้ได้ ส่วนกำหนดการเดิมที่จะเผาศพในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ก็คงจะต้องเลื่อนไปก่อน จนกว่าการต่อสู้ทางคดีจะถึงที่สิ้นสุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน