สลด สาวไทย แต่งงานกับสามี ชาวยูเออี ได้แค่ 3 เดือน ถูกแทงดับในรถ แม่ร่ำไห้ร้องปวีณา วอนช่วยติดต่อนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 พ.ย.2567 นางประยูร (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี และ น.ส.จันทิมา (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี แม่และพี่สาว เดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอความช่วยเหลือนำศพ น.ส.อิสรตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ลูกสาวกลับจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
เนื่องจาก น.ส.อิสรตรี ถูก นายปีเตอร์ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สามีชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ทำร้ายร่างกายใช้มีดแทงจนเสียชีวิตในรถยนต์ของฝ่ายชาย หลังลูกสาวแจ้งความดำเนินคดีกับสามีเพราะถูกทำร้ายร่างกายหลายครั้งจนทนไม่ไหวต้องหนีไปอยู่บ้านญาติ
ซึ่งฝ่ายชายคุกคามตามง้อขอคืนดี และขอให้ถอนแจ้งความแต่ไม่สำเร็จ เหตุเกิดที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุตำรวจดูไบ จับกุมตัวสามีโหดดำเนินคดีแล้ว
น.ส.จันทิมา พี่สาว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น้องสาวไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบและคบหากับนายปีเตอร์ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจจนตกลงปลงใจแต่งงานกันวันที่ 2 ส.ค.67 โดยฝ่ายชายเดินทางมาทำพิธีแต่งงานที่บ้าน จ.บุรีรัมย์
ต่อมาต้นเดือน ต.ค.67 ทั้งคู่เดินทางกลับไปอยู่กินกันที่บ้านฝ่ายชาย ที่ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พี่สาวกับแม่มาทราบภายหลังจาก น.ส.สุทธิดา (สงวนนามสกุล) น้องสาวอีกคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งทำงานอยู่ที่ดูไบว่า หลังจากที่ทั้งคู่กลับไปถึงดูไบก็มีการทะเลาะซึ่งน้องสาวจะถูกสามีทำร้ายบ่อยครั้งจนต้องหนีมาอยู่กับ น.ส.สุทธิดา ฝ่ายชายตามมาง้อขอคืนดีและคุยกันได้ไม่นาน สามีก็ยังทำร้ายน้องสาวอีกโดยใช้เสื้อรัดคอภายในรถยนต์ น้องสาวทนไม่ไหวแจ้งความดำเนินคดีกับสามี
กระทั่งวันที่ 3 พ.ย. 67 เวลาประมาณ 20.00 น น้องสาวจะเดินทางไปพบทนายความ เพราะวันที่ 4 พ.ย.ต้องขึ้นศาล แต่ฝ่ายชายรออยู่ข้างล่างคอนโดฯ และเรียกไปคุยกันในรถยนต์ของฝ่ายชาย ปรากฏว่าฝ่ายชายทำร้ายร่างกายและใช้มีดแทงน้องสาวจนเสียชีวิตภายในรถยนต์
หลังเกิดเหตุตำรวจจับกุมตัวฝ่ายชายแล้ว ส่วนศพของน้องสาวยังต้องรอส่งไปชันสูตร ครอบครัวฐานะยากจน อยากรับศพของน้องสาวกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
หลังรับเรื่อง นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน.ส.อิสรตรี กรณีนี้สาวไทยแต่งงานกับชาวต่างชาติและไปอยู่กินที่ดูไบ 2 เดือน ถูกสามีทำร้ายถึงกับเสียชีวิต ครอบครัวต้องขาดเสาหลักไปเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจยิ่ง
ทั้งนี้จะประสาน นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ อธิบดีกรมการกงสุล และ นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ เพื่อช่วยดำเนินการในขั้นตอนการส่งศพกลับมาไทย โดยวันนี้ได้มอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาญาติเดินทางไปติดต่อที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุลเพื่อขอรับศพกลับไทย
อย่างไรก็ตามต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งครอบครัวก็ยากจนไม่มีกำลังพอ จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนไทยที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วยสมทบทุนช่วยเหลือคนไทยด้วยกันที่ไปประสบเหตุร้ายในต่างแดนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนำศพบินกลับสู่มาตุภูมิให้ครอบครัวได้ทำพิธีบำเพ็ญกุศล
คนไทยไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนทั่วโลกน้ำใจไม่เคยเหือดหาย หลายเคสที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ จะได้น้ำใจคนไทยช่วยเหลือด้วยดีเสมอมา โดยหลังจากที่ได้กำหนดการส่งศพกลับไทยแล้วนางปวีณา จะประสาน ผอ.การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จ.บุรีรัมย์บ้านเกิดต่อไป