ชาวบ้านอำเภอนครไทย 300 คน บุกศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือ ค้านประกันตัว นายก อบต.นาบัว พร้อมพวก คดีธนาคารกองทุนหมู่บ้าน โกง 500 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ชาวบ้าน อ.นครไทย กว่า 300 คน เดินทางมารวมตัว เพื่อคัดค้านการประกันตัวของ นายสมศักดิ์ นายก อบต.นาบัว พร้อมพวก 15 คน ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของนายสมศักดิ์ เกี่ยวกับความผิด โครงการเกี่ยวกับการออมเงินมาหลอกลวงชาวบ้านในพื้นที่ จ.พิษณุโลก
โดยมี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ทนายความร่วมเดินทางมาด้วย โดยชาวบ้านรวมตัวกันขอเข้าพบนายอัครโชค สุวรรณทอง ปลัดจังหวัดพิษณุโลก คัดค้านการประกันตัวของนายสมศักดิ์
ทั้งนี้ เกี่ยวกับความผิดโครงการเกี่ยวกับการออมเงินมาหลอกลวงชาวบ้านในพื้นที่ โดยเสนออัตราค่าตอบแทนต่อปีสูงถึง 15% ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อจำนวนมาก ชักชวนกันเปิดเป็นธนาคารชุมชนกันหลายตำบลในอำเภอนครไทย
สุดท้ายไม่ได้นำเงินไปลงทุน ทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท จนชาวบ้านไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ จนสืบสวนขยายผลของตำรวจ ก่อนศาลจะอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง และสามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา
ทางกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการติดต่อทนายเพื่อนำหลักทรัพย์มายืนขอประกันตัว ในวงเงินสูงประมาณ 25 ล้านบาท ตามระเบียบหลักเกณฑ์ของตำรวจ ซึ่งไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของทุนทรัพย์ความเสียหาย
เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่หลายร้อยล้านบาท มีความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยการโฆษณา หรือประกาศ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปในการรู้ยังบุคคลใดจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์ แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงิน
ตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ซึ่งตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้น หรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบ แทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้น และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้เงินไป
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ความจริงแล้วติดตามคดีนี้ตั้งแต่ 1 เดือนที่ผ่านมา วันนี้ชาวบ้านพากันมาค้านประกันตัว ให้ขยายและขอขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการคนอื่น ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และยึดอายัดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน เรื่องนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาประมาณ 3 ปีแล้ว ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดพิษณุโลกหลายหน่วยงาน แต่ไม่มีความคืบหน้า หลังจับกุมตัวถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งจะต้องจับตาดูต่อไปว่าจะไปถึงไหน
ขณะนี้มีผู้เสียหายแสดงตนแล้ว 1,400 คน และยอดเงินที่รับความเสียหายเกือบ 500 ล้านบาท แต่ไม่มีใครออกมายอมรับ ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 1,000 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความอีกมาก ระบบการฝากเงินทำไม่เรียบร้อย ไม่สามารถเช็คยอดเงินได้ว่าที่แท้จริงได้เลย
“มีการข่มขู่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เรื่องพวกนี้นิ่งกันมาได้ยังไง คนเฒ่าคนแก่ตายไปแล้วกี่ศพ กว่าจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ใช่คนรวย ยึดอาชีพทำไร่ทำนา หาเช้ากินค่ำทั้งนั้น มีเงินก็นำมาเก็บมาฝาก หวังได้ดอกเบี้ยปันผลมากินมาใช้
วันนี้เรื่องแดงออกมาขนาดนี้ ผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ วงเงินความเสียหายไม่ใช่น้อย เชื่อว่าต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลัง ต้องมีเทวดาที่หนุนอยู่ข้างหลัง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องไม่คืบหน้า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มันต้องมีคนอยู่ข้างหลัง” ทนายรณณรงค์ กล่าว
จากการวถามว่าชาวบ้านมีโอกาสจะได้เงินคืนไหม ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า อย่างน้อยต้องยึดอายัดทรัพย์กลับคืนมาบ้าง แต่หากเราดำเนินการตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ยอดเงินความเสียหายอาจจะไม่มากขนาดนี้ และคนที่เอาเงินจากแชร์ลูกโซ่แล้วมาขู่ชาวบ้าน ทุกคนจะไม่ปล่อยไว้แน่
“จากนี้จะรวบรวมข้อมูลส่ง ปปง.เพื่ออายัดทรัพย์ต่อไป การที่ชาวบ้านหลงเชื่อจนยอดเงินความเสียหายเยอะขนาดนี้ เพราะมีผู้นำชุมชนมาชักชวน ให้นำเงินไปฝาก แล้ววิธีการสื่อสารผ่านระบบราชการ ผ่านหน่วยงานราชการในท้องที่ มันน่าเชื่อถือ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะถูกโกง ทุกวันนี้ยังไม่มีคำตอบว่าเงินเหล่านั้นหายไปไหน ชาวบ้านเดือดร้อนกันโดนขู่กัน แม้แต่ผมยังโดนขู่ยิง ผมขอประกาศตรงนี้เลย หากจะยิงก็ยิงให้ถูกตัวล่ะกัน เชื่อว่าขบวนการนี้ต้องมีเยอะกว่า 15 คน” ทนายรณณรงค์ กล่าว
นางสมพิศ อายุ 65 ปี ชาวบ้านหมู่บ้าน 8 ต.นาบัว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก บอกว่า เริ่มส่งเงินมาตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ครั้งละ 500 ครั้งละ 1,000 บาท เพราะเวลาถอนมองว่าจะได้ไม่ต้องเข้าตัวเมือง สะดวกดี ดอกเบี้ยก็ดี ตอนนั้นดอกร้อย 15% รวมๆแล้วตอนนี้มีเงินฝากอยู่ประมาณ 4 แสนกว่าบาท ถอนไม่ได้เลย
นางกองเกิน อายุ 61 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.นาบัว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ตนเริ่มฝากตั้งแต่ปี 2550 อยากออมไว้กินตอนแก่ ส่งลูกเรียน เห็นคนไปกันเยอะ แรกได้ร้อยละ 14 บาท ปีต่อมาลดเหลือ 12 เหลือ 10 และเหลือ 5 เมื่อประมาณ ปี 2565 พอมาปี 2566 ถึงปัจจุบันไม่ได้แล้ว รวมแล้วตนมีเงินอยู่ประมาณ 6 แสนกว่าบาท ลูกตายไปเมื่อ 2565 ไปขอเบิกเงินมาทำศพก็ไม่ได้ ต้องยืมเพื่อนบ้านมาจัดงานศพให้ลูก วันนี้มาเพราะอยากได้เงินคืน คาดหวังว่ายังจะได้เงินคืน
นางสาวมลิ ชาวบ้าน ม.17 ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หรือแม่น้องเอิร์น เด็กพิการโรคสมองฝ่อตั้งแต่กำเนิด ที่เคยเป็นข่าวเมื่อปี 2558 หลังจากเป็นข่าวมีคนบริจาคเงินมาช่วยเหลือ ตนนำเงินไปฝากกองทุนหมู่บ้านไว้ รวมถึงเบี้ยคนพิการของลูกด้วย หวังว่าเวลาจะใช้ค่อยถอนออกมาดูและลูกๆ ทั้งน้องเอิร์นและลูกอีก 2 คนที่กำลังเรียนอยู่ แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาเดือดร้อนไม่สามารถถอนออกมาใช้ได้
จนกระทั่ง 4 พฤศจิกายน 2567 น้องเอิร์นเสียชีวิตลง และฌาปนกิจเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ไปถอนเงินก็ไม่ได้ ตอนนี้มีเงินอยู่ประมาณ 470,000 บาท ถอนไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ลูกที่กำลังเรียนอีก 2 คน อาจจะต้องลาออกกลางคัน เพราะไม่มีเงินส่งเรียนแล้ว
เบื้องต้นนายอัครโชติ สุวรรณโชติ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนายไสว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย มารับเรื่องหนังสือจากชาวบ้าน พร้อมทั้งประชุมแกนนำผู้เสียหาย เพื่อเตรียมช่วยเหลือประชาชนที่ยังได้ไม่แจ้งความอีกครั้ง
นายไสว เปิดเผยว่า กรณีที่นายก อบต.นาบัว ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชนธนาคารหมู่บ้าน และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนั้น ทางอำเภอนครไทยตั้งกรรมการสอบสวนวินัย นายกอบต.นาบัวแล้ว และนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพิจารณาดำเนินการ
สำหรับความเสียหายของชาวบ้านในอำเภอนครไทยนั้น เบื้องต้นมีผู้เสียหายมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ฟ้องร้องดำเนินคดีธนาคารหมู่บ้านในลักษณะเดียวกันนี้จำนวน 8 แห่ง ส่วนอีก 2 แห่งที่ดำเนินการลักษณะเดียวกันยังไม่ฟ้องร้อง ทางอำเภอก็พยายามช่วยเหลือชาวบ้านผู้เสียหาย ทั้งในเรื่องการประสานงานติดต่อในเรื่องคดีความ
พ.ต.อ.สมบูรณ์ สีแดง ผกก.สภ.นครไทย กล่าวว่า ตอนนี้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 15 ราย และคาดว่าจะแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอีกเร็วๆนี้
