ร้อง ปวีณา แฉบริษัทช่วยปิดหนี้ เจอเองกับตัวแทบทรุด เพิ่งรู้ถูกหลอก จู่ๆ เป็นหนี้พันล้าน ความแตกตอนธนาคารโทรมา หาทางออกไม่เจอ เกือบจะลาโลกไปแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ธ.ค.67 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 200 ราย เดินทางมาจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท ธุรกิจส่วนตัว ผู้บริหาร และข้าราชการ รวมตัวเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี อ้างว่า ถูกบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ติดต่อมายื่นข้อเสนอช่วยปิดหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บ้าน และรถยนต์ที่ผ่อนอยู่ โดยการรวมยอดหนี้ปิดให้ทีเดียว แต่ต้องร่วมโครงการกู้ซื้อคอนโดฯ กับบริษัทในการยื่นกู้ธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมิเนียม จะได้มาผ่อนรายเดือนกับบริษัท และผ่อนคอนโดฯ
หากกู้ซื้อ 3 ห้อง ผู้เสียหายจะผ่อนแค่ห้องเดียว อีก 2 ห้องบริษัทจะเป็นคนจ่าย เมื่อครบสัญญาจะซื้อคืน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อกลับต้องเป็นหนี้ธนาคารมีชื่อในการกู้ซื้อคอนโดฯ กันคนละ 3-5 ห้อง ทั้งที่บางคนเงินเดือนแค่ 2-3 หมื่น แต่กลับต้องเป็นหนี้หลายล้าน มากสุดถึง 25 ล้าน สุดท้ายบริษัทปิดตัวหนีหายติดต่อไม่ได้ หลายคนเครียดจัดจนคิดฆ่าตัวตาย เพราะถูกธนาคารทวงหนี้ ฟ้องยึดทรัพย์บังคับคดี ความเสียหายนับพันล้าน
ข้อมูลขณะนี้มีผู้เสียหาย 200 กว่าราย แต่ที่สรุปข้อมูลเป็นทางการ 103 ราย กู้ซื้อคอนโดมิเนียม/ห้องชุด 414 ห้อง กู้ซื้อกับ 8 ธนาคาร ปัจจุบันบริษัทไม่จ่ายเงินค่าผ่อนซื้อ ผู้เสียหาย 103 คน จึงเป็นหนี้ 1,470 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางแนบ
น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนมีเงินเดือน 4 หมื่นกว่าบาท และมีหนี้สินจากบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ประมาณ 900,000 บาท และที่ต้องจ่ายต่อเดือนมากกว่าเงินเดือนมาก ช่วงปี 2566 จู่ๆ มีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าเป็นบริษัทแห่งหนึ่ง และสอบถามว่าเรามีหนี้บัตรเครดิต และหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถใช่หรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าบริษัทแห่งนี้รู้ข้อมูลส่วนตัว และเขาก็มีข้อเสนอจะให้รวมหนี้ทั้งหมดและปิดหนี้ให้ โดยให้มาผ่อนกับบริษัทรายเดือนที่เดียวเพื่อจะได้ผ่อนสบายๆ ตนก็สนใจเดินทางไปที่บริษัทซึ่งตั้งอยู่ย่านคูคต จ.ปทุมธานี ลักษณะเป็นตึกแถว 2 คูหา เข้าไปมีพนักงานเข้ามาต้อนรับและแนะนำต่างๆ แจ้งว่าจะปิดหนี้ให้ทั้งหมด และแนะนำชักชวนให้เป็นผู้ร่วมลงทุนซื้อขายคอนโดมิเนียมในระยะเวลา 2-5 ปี จนเสร็จสิ้นโครงการ
หลังตกลงใจให้บริษัทปิดหนี้ ทางบริษัทได้พาไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.คูคต โดยระบุว่าบริษัทได้มอบเงินให้ไปปิดหนี้ทั้งหมด และสัญญาจะร่วมกับบริษัทจนเสร็จสิ้นโครงการ จากนั้นบริษัทก็ปิดหนี้ 900,000 บาทให้จริง โดยทำสัญญาผ่อนจ่ายรายเดือน และห้ามให้ตนกู้เงินอะไรอีกเพราะต้องการให้เครดิตบูโรไม่มีหนี้สิน หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน เมื่อเครดิตดีบริษัทให้เซ็นเอกสารกู้ซื้อคอนโดฯ โดยให้เซ็นไว้หลายชุด
โดยบริษัทอ้างว่าจะยื่นกู้ซื้อคอนโดฯ 5-7 แบงก์ในช่วงเวลาเดียวกัน ตอนแรกก็เข้าใจว่าซื้อคอนโดฯ ห้องเดียว ซึ่งมารู้ที่หลังบริษัทแจ้งว่ากู้ซื้อคอนโดฯ ผ่านถึง 5 ห้อง ราคาห้องละ 2-5 ล้าน ตนต้องเป็นหนี้ถึง 16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้บังคับให้ทำประกันชีวิตเพื่อค้ำประกันยอดหนี้กับธนาคารด้วย โดยจำนวนเงินที่จ่ายค่าประกันก็มารวมกับยอดหนี้ที่ตนมาเป็นหนี้กับบริษัทที่ต้องผ่อนรายเดือนด้วย
บริษัทได้ทำสัญญาว่าให้ตนผ่อนคอนโดฯ 1 ห้อง ส่วนอีก 4 ห้องทางบริษัทจะเป็นคนผ่อนกับธนาคาร เมื่อครบสัญญา 5 ปี บริษัทจะซื้อคืน ส่วนเงินที่ผ่อนคอนโดฯ ของตนก็จะไปหักกับยอดหนี้ทางบริษัท ผ่านมา 1 ปี เมื่อวันที่ 25 พ.ย.67 จู่ ๆ ธนาคารก็โทรมาทวงถามเพราะค่างวดเพราะบริษัทไม่จ่าย ตนจึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว และต้องเป็นหนี้ถึง 16 ล้านบาท ไม่รู้จะทำอย่างไร เครียดจัดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับต้องพบหมอจิตแพทย์ และจะผูกคอตายหนีปัญหา แต่ได้ลองโทรมาขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ ได้พูดคุยกับนางปวีณา จึงเริ่มจะมีความหวังที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนมีหนี้สินจากบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ประมาณ 600,000 บาท ทางบริษัทโทรมาชักชวนให้เข้าร่วมโครงการปิดหนี้มีเงินเหลือ ตนสนใจเพราะต้องผ่อนรายเดือนหนักมากจะไม่ไหว อยากจะผ่อนสบายๆ จากนั้นตนก็เดินทางไปที่บริษัทย่านคูคต เมื่อตกลงบริษัทจะปิดหนี้ทั้งหมดให้ เขาก็พาไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คูคต และทำสัญญาร่วมโครงการซื้อคอนโดฯ ร่วมพัฒนาธุรกิจ แล้วบริษัทก็ปิดทั้งหมดให้จริง
โดยโอนเงินสดเข้าบัญชีของญาติตน และพนักงานมาติดตามดูในการไปปิดหนี้ทั้งหมด และตนต้องผ่อนหนี้รายเดือนกับบริษัท ผ่านไป 6 เดือนเขาเซ็นเอกสารยื่นกู้ซื้อคอนโดฯ ที่บริษัทเตรียมไว้ให้ และบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดมีการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง กู้แบงก์ผ่านโดยง่ายเพราะบริษัทบอกว่ายื่นทีเดียวคอนโดฯ หลายห้อง บูโรจะใสสะอาด หลายธนาคารก็ต้องผ่าน
จากนั้นตนก็กลายเป็นผู้กู้ซื้อคอนโดฯ 3 ห้อง เป็นหนี้ 7 ล้านบาท โดยบริษัทปิดหนี้ให้ 680,00 บาท และสุดท้ายบริษัทแจ้งมาว่าจะต้องยุติการผ่อนจ่ายค้างค่างวดธนาคาร 14 งวด ค้างค่าส่วนกลางคอนโดฯ 3 ห้อง ซึ่งก็กลายเป็นว่าตนต้องรับสภาพ ทุกวันนี้ไม่มีทางออกเครียดมาก เมื่อไปที่บริษัทก็พบว่ามีการติดประกาศบริษัทปิดไปแล้ว
น.ส.ซี (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนก็เจอแบบเดียวกันกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ครั้งแรกที่เดินทางไปที่บริษัทหลังได้รับการติดต่อ พนักงานบริษัทพูดถึงโครงการทุกอย่างดูน่าเชื่อถือ และเดินเรื่องยื่นกู้แบงก์อย่างง่ายดาย ตนได้ค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตพบว่าบริษัทนี้มีกรรมการอยู่ 2 คน ทุนจดทะเบียน 55 ล้าน เปิดมาหลายปีตั้งแต่ปี 55 เมื่อหลงเชื่อก็ต้องกลับเป็นหนี้ 15 ล้านบาท หลังรู้ตัวว่าผู้หลอกจึงได้เข้าร่วมกลุ่มไลน์ผู้เสียหายที่มีกว่า 200 คน มูลค่าความเสียหายนับพันล้าน ก่อนจะรวมตัวกันมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
ด้าน น.ส.นันท์วาภัทร นพชัยกิตติยุต ทนายความที่เข้ามาช่วยผู้เสียหาย กล่าวว่า บริษัทแห่งหนี้ทำในรูปแบบวันสต๊อปเซอร์วิส เมื่อผู้เสียหายไปถึงจะทำเรื่องให้เบ็ดเสร็จทุกอย่าง บริษัทจะยื่นกู้ 1 ห้อง ต่อ 1 แบงก์ และได้ส่วนต่างที่กู้ได้โอเวอร์ ทางแบงก์จะโอนเงินไปให้ผู้เสียหาย ทางบริษัทก็ติดตามให้ผู้เสียหายโอนให้กับบริษัท ตอนนี้เบื้องต้นผู้เสียหายเป็นหนี้กับธนาคารคนละ 14 ล้าน จากที่เป็นหนี้หลักแสน ลักษณะพฤติกรรมเป็นการโทรชักชวนผ่านทางโทรศัพท์และให้เดินทางไปที่บริษัท ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าไปได้ข้อมูลของผู้เสียหายมาได้อย่างไร
ตอนนี้มีผลกระทบกับผู้เสียหายใน 2 ลักษณะ 1.เมื่อครบสัญญาแต่ไม่มีการซื้อคืนตามสัญญาที่ตกลง ตั้งแต่ปี 2561-2564 ผู้เสียหาย 39 ราย คอนโดฯ จำนวน 154 ห้อง มูลค่าความเสียหาย 539 ล้านบาท 2.ยังไม่ครบสัญญาแล้วบอกเลิกสัญญาก่อนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ตั้งแต่ปี 2563-ปัจจุบัน ผู้เสียหาย 64 ราย คอนโดฯ จำนวน 260 ห้อง มูลค่าความเสียหาย 931 ล้านบาท
หลังรับเรื่อง นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และเห็นใจผู้เสียหายทุกคนที่ถูกหลอกจนเป็นหนี้มหาศาล จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกสาเหตุจากที่หลายตนต้องผ่อนหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หนีบ้าน หนี้รถยนต์ ทำให้อยากลดภาระในการจ่ายรายเดือนลง เมื่อมีบริษัทเข้ามายื่นข้อเสนอจึงหลงเชื่อกลับกลายต้องเป็นหนี้กับคนละนับสิบล้านบาท
ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำแบบนี้ต้องทำเป็นขบวนการ ทั้งบริษัทนายหน้าที่ชักชวนปิดหนี้ให้ และโครงการคอนโดฯ ที่กู้ซื้อ เพราะทุกอย่างมีการวางระบบยื่นกู้ง่าย ธนาคารปล่อยสินเชื่อกู้ซื้อคอนโดฯ ง่าย คอนโดฯ บางแห่งกู้ได้มากกว่าราคาประเมิน จึงอยากฝากถึงผู้บริหารธนาคารต่างๆ ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ และเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ เพราะอาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว อยู่ดีๆ มีหนี้นับสิบล้าน จากที่เคยคิดจะปิดหนี้กลับมาต้องเป็นหนี้สินนับสิบล้าน ถูกฟ้องร้อง บังคับคดี ยึดทรัพย์ ทุกหนักกว่าเดิม โดยนางปวีณา จะประชุมหารือเพื่อพาผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปราม หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)