ครึ่งวันสูญเกือบ 4 ล้าน ย่า-หลานวัย17 ถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น ดีเอสไอ หลอกโอนเงิน 12 ครั้ง ร่ำไห้เก็บทั้งชีวิตหายวับ เผย ลักษณะเดียวกับ ชาล็อต ออสติน

วันที่ 12 ธ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกแค่ครึ่งวันสูญเงินเกือบ 4 ล้านบาท ทั้งป้าและหลานชายทุกข์ใจหนักมาก เพราะเป็นเงินจากการทำงานเก็บมาทั้งชีวิตของครอบครัว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางอภัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี และหลานชาย อายุ 17 ปี นำเอกสารใบแจ้งความกับตำรวจสภ.ทุ่งฝน และเอกสารการโอนเงินไปยังบัญชีม้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 4 บัญชี

ครึ่งวันสูญเกือบ 4 ล้าน ย่า-หลานวัย17 ถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น ดีเอสไอ หลอกโอนเงิน 12 ครั้ง ร่ำไห้เก็บทั้งชีวิตหายวับ เผย ลักษณะเดียวกับ ชาล็อต ออสติน

ครึ่งวันสูญเกือบ 4 ล้าน ย่า-หลานวัย17 ถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น ดีเอสไอ หลอกโอนเงิน 12 ครั้ง ร่ำไห้เก็บทั้งชีวิตหายวับ เผย ลักษณะเดียวกับ ชาล็อต ออสติน

คือ บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี นายอภิชาติ (ขอสงวนนามสกุล), ธนาคารกรุงศรี ชื่อบัญชี น.ส.น้ำฝน (ขอสงวนนามสกุล), ธนาคารกรุงเทพฯ ชื่อบัญชี นายภีมากร (ขอสงวนนามสกุล)

และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยโอนไปทั้งหมด 12 ครั้ง ครั้งละ 49,9900 บาท ครั้งละแสน ครั้งละล้านบาทเศษก็มี โอนเงินไปทั้งหมด 12 ครั้ง รวมสูญเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3,412,642 บาท

นางอภัย กล่าวว่า ตนกับสามีเก็บเงินมาทั้งชีวิต เงินที่สูญไปเกือบ 4 ล้านบาทให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเงินเก็บที่สามีไปทำงานเมืองนอกมากว่า 18 ปี และเงินที่ตนไปทำงานที่ จ.ระยอง เก็บหอมรอมริบมาเรื่อย ๆ

จุดเริ่มต้นคือเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรเข้าเบอร์หลานชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ บอกว่า หลานชายไปเกี่ยวข้องกับคดีอะไรสักอย่าง จะมีการจับกุม ให้โอนเงินไปตรวจสอบ โดยตอนแรกหลานชายก็ตกใจนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง เขารู้ชื่อ รู้หมายเลขบัตรประชาชนหมด

ตอนแรกยังไม่บอกย่า หลานก็แอบโอนเงินจากย่าไปให้เขา โอนไปครั้งแรก 49,999 บาท และโอนต่อไปเรื่อย ๆ ล้านกว่าบาท ทีนี้หลานก็มาบอกย่าว่า ย่า ๆ มีเจ้าหน้าที่ โทรมาบอกว่ามีคดี เราก็เลยเชื่อไปกับหลานไม่อยากให้หลานเจอคดี มีเงินฝากประจำอยู่อีก 2 ล้านบาทก็พาหลานชายไปเบิกในวันนั้นเวลา 18.00 น.

พอได้เงินออกมาแล้วเอาเข้าบัญชีหลานชายโอนไปให้เขาอีก ยังไม่พอ พวกนี้ยังโทรมาบอกว่ามีบ้านมีรถหรือมีทรัพย์สินอีกไหม ให้เอาไปจำนำจำนองได้เงินสดโอนมาตรวจสอบอีก

แต่ทีนี้หลานชายคิดว่าถูกหลอกแน่ จึงไม่ทำตามเขา และหลานชายโทรไปก็ไม่รับสายอีกเลย อยากจะวิงวอนและขอความเมตตาจากเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมให้ด้วยเถิด ป้าอยากได้เงินคืนแม้ความหวังจะริบหรี่ ป้าและหลานยกมือไหว้แถมน้ำตาคลอ

ด้าน หลานชาย กล่าวว่า เริ่มต้นมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาที่เบอร์ของตน เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นผู้หญิง อ้างว่าชื่อ ร.ต.อ.ประภัสสร อ้างเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากนั้นให้แอดไลน์ เป็นภาพตำรวจจริง ๆ เขาก็ถามว่า ชื่อนี้ชื่อตนใช่ไหม ตอนแรกตนก็ไม่เชื่อ

เขาบอกว่าไปเกี่ยวข้องกับคดีเกี่ยวข้องนายศรัทธา ต้องมีการดำเนินคดี ตอนนี้อายัดบัญชีไว้แล้ว ปลายสายเขาก็บอกว่าถ้าไม่เชื่อลองเข้าแอปพลิเคชันธนาคารดู ปรากฏว่าแอปฯธนาคารก็เข้าไม่ได้จริง ๆ

จากนั้นเขาก็โอนสายไปให้กับ ร.ต.อ.บุญมี อ้างว่าอยู่ สภ.เมืองนครราชสีมา เขาก็โชว์เอกสาร และส่งมาให้ดูด้วย เป็นคำสั่งลับทางราชการลับพิเศษของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโยลีและหนังสืออายัดบัญชี ห้ามแพร่งพรายข้อมูลนี้ให้กับใคร แม้แต่ตำรวจในพื้นที่

พร้อมกับแจ้งว่า ตนมีคดีเกี่ยวกับกับนายศรัทธา หากไม่อยากถูกดำเนินคดีต้องโอนเงินไปตรวจสอบ หากไม่ดำเนินการจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ถึงขั้นนั้นแล้วช่วยไม่ได้ ด้วยความตกใจเพราะเขารู้ชื่อ ถามบัตรประชาชนก็บอกหมายเลขถูก แอปฯธนาคารก็เข้าไม่ได้

ตนจึงเอาแอปฯธนาคารของย่าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองเพื่อโอนไปให้เขา ช่วงที่คุยกับเขา เขาไม่ยอมวางสายเลยตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. โอนไปทั้งหมด 12 ครั้ง 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 3,412,642 บาท และจากการที่คุยกับเขา เขาบอกว่าเกี่ยวข้องคดีกับนายศรัทธา และเมื่อดูข่าวลักษณะเดียวกันกับชาล็อต ออสติน ที่สูญเงิน 4 ล้านบาท ลักษณะตรงกันเป๊ะแบบนั้นเลย

ยอมรับตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เคยเจอมาก่อน และอีกอย่างตกใจเชื่อเขาหมดเลย เพียงแค่ครึ่งวันตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ตนโอนเงินไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 4 ล้านบาท เป็นเงินปู่และย่าทั้งนั้น

และเช้าวันที่ 10 ธ.ค.67 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังโทรมาอีก บอกว่าย่ามีทรัพย์สินอะไรอีก มีบ้านเอาไปจำนอง มีทองเอาไปขายแล้วโอนเงินไปตรวจสอบ ตนเริ่มเอะใจจึงบอกเขาไปว่า ไม่โอนไปอีกแล้ว จากนั้นเขาก็ตัดสายไป โทรไปใหม่ก็ไม่รับสายอีกเลย เสียใจมากที่เอาเงินปู่และย่าโอนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

ขณะที่ย่าได้มาปลอบใจที่หลานชายหลงกลโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลัวหลานชายคิดมาก พร้อมโอบกอดหลานชายบอกอีกว่า ไม่ตายเราหาใหม่ได้ และจะกลับไปทำงานเก็บเงินที่จ.ระยองอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้ตำรวจติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้อย่าให้ไปทำกับคนอื่นอีกเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน