ลูกสาว ร่ำไห้ กลับมาจากทำธุระ พบพ่อหัวจุ่มถังน้ำ เสียชีวิตในห้องน้ำ คาดสิ้นใจมาแล้ว 8 ชั่วโมง เผย สุดเศร้าเรื่องจดหมาย เล่านาทีพบร่างตัวแข็งแล้ว
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 18 ธ.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุมีชายเสียชีวิตภายในห้องน้ำของตึกแถว 3 ชั้นแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุตึกแถว 3 ชั้น ที่ห้องน้ำชั้นล่างใต้บันไดพบศพ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 71 ปี สภาพสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ นั่งอยู่บนโถชักโครก ศีรษะเอนอยู่ข้างถังน้ำขนาด 100 ลิตร มือขวาอยู่ภายในถังน้ำ
ลูกสาว ร่ำไห้ กลับมาจากทำธุระ พบพ่อหัวจุ่มถังน้ำ เสียชีวิตในห้องน้ำ คาดสิ้นใจมาแล้ว 8 ชั่วโมง เผย สุดเศร้าเรื่องจดหมาย เล่านาทีพบร่างตัวแข็งแล้ว
กู้ภัยได้นำร่างออกมาให้แพทย์ชันสูตรเบื้องต้น ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายใด ๆ คาดเสียชีวิตมาแล้ว 7-8 ชั่วโมง หลังตรวจสอบร่างของผู้เสียชีวิตเสร็จสิ้นแล้วได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อทำการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถามลูกสาวของผู้ตาย กล่าวว่า วันนี้ตนได้ออกไปทำธุระแล้วกลับเข้ามาบ้านเวลาประมาณ 01.00 น. หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจะขึ้นมานอนกับพ่อที่ห้อง ก็แปลกใจทำไมพ่อไม่เปิดพัดลม ตนจึงเปิดไฟในห้องแต่พ่อไม่ได้นอนอยู่ในห้อง
ลูกสาว กล่าวต่อว่า ตนก็ใจไม่ดีแล้ว ยิ่งมาเห็นจดหมายที่พ่อเขียนไว้ล่าสุด ตนเลยลงมาดูข้างล่างว่าอยู่ไหน และเปิดประตูห้องน้ำพบว่าศีรษะของพ่อจมอยู่ในถังน้ำ ตนเลยยกศีรษะพ่อขึ้นจากน้ำและพบว่าตัวแข็ง จึงได้รีบโทรหา 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพราะพ่อตัวแข็งแล้ว
ลูกสาว กล่าวอีกว่า ตนเสียใจ ยังคิดอยู่ว่าพ่อยังสู้ไหว เพราะเพิ่งได้ยามา และก็ให้กำลังใจและอยู่กับพ่อตลอดตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา พ่อป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและอีกหลายโรค
ลูกสาวผู้ตาย กล่าวว่า พ่อได้เขียนจดหมายไว้ฉบับแรกเมื่อวันจันทร์ โดยพ่อบ่นให้ฟังว่าเขาจะไม่ไหวแล้วถ้าเห็นจดหมายนี้ ให้รู้ว่าพ่อจะไปพรุ่งนี้ตอนบ่าย ๆ และพ่อยังบ่นว่าตั้งแต่โควิดมันมาขายของก็ไม่ดี มันไม่เหมือนเดิมแล้วร่างกายก็ไม่ดีเหมือนก่อน
ลูกสาว กล่าวด้วยว่า แล้วก็บ่นน้อยใจ เพราะเมื่อวันก่อนไปหาญาติใกล้ ๆ แถวนี้ เห็นญาติอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว พ่อก็เลยมีอารมณ์น้อยใจตรงนั้นด้วยอยากให้ลูกสู้และมีชีวิตที่ดีพูดถึงทั้งตนกับน้องและญาติอีกคน และยังพูดถึงเงินก้อนสุดท้ายได้มาจากญาติที่เพิ่งเสียไป เป็นเงินต่อชีวิตนะ เอาไว้ทำศพทำพิธี
ลูกสาว กล่าวต่อว่า และก็บ่นว่าไม่อยากเป็นภาระใคร แต่ก็เป็นห่วงลูก ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ขายของอย่างไรมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว และก็บ่นหลาย ๆ เรื่อง เรื่องสุขภาพ เรื่องสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อมีอาชีพขายของอยู่ที่ตลาดนัดจตุจักร แต่หลังจากโรคโควิดระบาดทำให้ต้องหยุดขายของ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นได้กลับไปขายของแต่ก็ขายไม่ดีเหมือนเดิม พ่อเลยเลิกขายเหมือนเออร์รี่ตัวเองแล้วก็อยู่แต่บ้าน
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะเกิดความเครียดหรือสภาวะจากโรคซึมเศร้า จึงตัดสินใจก่อเหตุสลดดังกล่าว
