ปธ.สภาองค์การลูกจ้างฯ แจ้ง แรงงานไทย ไม่มีใคร เซย์เยส-เซย์โน ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท มุ่งหวัง โบนัส-สวัสดิการเพิ่ม จากนายจ้าง
1 ม.ค. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ และขึ้นค่าแรง 400 บาท ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ภูเก็ต จ.ระยอง และ จ.สุราษฎร์ธานี เฉพาะ อ.เกาะสมุย
โดยเป็นการปรับอัตราค่าจ้างใหม่ทั่วประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 หลังจากคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 มีการประชุมศึกษา และพิจารณาเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อใช้บังคับแก่นายจ้าง และลูกจ้างทุกคนนั้น
นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าว่า ทุกวันนี้สถานประกอบการส่วนใหญ่ ซึ่งประมาณ 90% มักจะจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำเกินกว่าวันละ 400 บาทอยู่แล้ว ทำให้ผลตอบรับจากทางลูกจ้างยังไม่มีอะไรคืบหน้า เป็นในลักษณะเฉยๆ และไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก อย่างในจังหวัดระยองที่มีการปรับเป็น 400 บาท แต่ลูกจ้างได้รับเงินเดือนมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทอยู่แล้ว
ขณะที่ปัจจุบัน ทางผู้ใช้แรงงานไม่ได้หวังการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่เป็นแรงจูงใจและสิ่งที่คาดหวังคือ สวัสดิการจากนายจ้าง เมื่อทำงานในสถานประกอบการ อาทิ โบนัส, เบี้ยขยัน, ค่าอาหารกลางวัน ฯลฯ
“ตอนนี้ยังไม่มีกระแสอะไรมากนัก ไม่มีใครเซย์เยส และไม่มีใครเซย์โน เพราะพนักงานไม่ได้มุ่งหวังเรื่องการปรับค่าจ้างที่สูงขึ้น เหมือนกับว่าไม่มีแรงจูงใจมากพอ ประกอบกับสถานประกอบการไหนที่จ่ายให้พนักงานสูงเกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้วก็ไม่ได้มีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งที่พนักงานมุ่งหวังคือการได้สวัสดิการจากนายจ้างเพิ่มขึ้น เช่น หวังให้นายจ้างจ่ายค่าอาหารกลางวันเพิ่มขึ้น จากวันละ 30 บาท อาจปรับเป็น 40 บาท หรือการที่ค่าครองชีพ ข้าวของเครื่องใช้อย่าปรับขึ้นราคา ส่วนฝ่ายนายจ้างเอง ก็ไม่ได้อยากให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การจ่ายโบนัสเพิ่มขึ้น ตามอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างที่สูงขึ้น” นายพนัส กล่าว
นายพนัส กล่าวต่อว่า หากผู้ใช้แรงงานยอมได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท คงไม่มีคนอยากทำงาน คิดเป็นเงินรายเดือนราว 12,000 บาท แล้วจะอยู่ไหวไหม