เถียงเดือด! ว่าที่เจ้าสาว พังบ้านว่าที่เจ้าบ่าว ไกล่เกลี่ยลงตัว ยอมจ่ายเงินค่าทรัพย์สินที่เสียหาย เปิดใจเรื่องลูกในท้อง ชีวิตคู่จะไปกันต่อได้ไหม
กรณีว่าที่เจ้าสาวบุกพังบ้านว่าที่ผัว หลังเรียกร้องสินสอด 150,000 บาท แต่ไม่ได้ บุกทำลายข้าวของภายในบ้านว่าที่ผัวเสียหาย เหตุเกิดที่บ้านพักใน ต.ป่าแฝก อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ฝ่ายชายรับว่ามีเงินอยู่แค่ 5 หมื่นบาท แต่ใจยังรักฝ่ายหญิงอยู่ ต้องการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่สภ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 พ.ต.ต.สุพจน์ โพธิ์สุวรรณ สว.(สอบสวน) สภ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ร้อยเวรเจ้าของคดี เรียกทั้ง 2 ฝ่าย มาเจรจาตกลงชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายหญิง น.ส.ก้อย อายุ 22 ปี ผู้ก่อเหตุเดินทางมาพร้อมพ่อ แม่ และนางพิสมัย อายุ 59 ปี มีศักดิ์เป็นอา ส่วนฝ่ายชาย นายวสันต์ อายุ 23 ปี เดินทางมาพร้อมย่า พี่ชาย พี่สะใภ้ และนางอริญญา บุตรสา ส.อบต.ป่าแฝก ผู้นำชุมชน
โดยทั้ง 2 ฝ่ายเข้าไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน และในบางช่วงมีการโต้เถียงกัน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการนำเรื่องราวไปโพสต์ลงในโซเชียล ที่สร้างความเสียหายให้กับฝ่ายหญิง ซึ่งพนักงานสอบสวนก็พยายามประนีประนอมให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงพูดคุยกันโดยดี ท่ามกลางผู้สื่อข่าวหลายสำนักร่วมเป็นสักขีพยาน และทำข่าวนั้น
หลังพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ข้อสรุปว่า ฝ่ายหญิงที่ก่อเหตุยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย ที่ฝั่งย่าของฝ่ายชายเรียกร้องเป็นเงิน 10,790 บาท แทนทรัพย์สินที่เสียหายทั้งหมด แต่ยังไม่จ่ายในวันนี้ เพราะไม่มีเงิน ขอเวลาไปกรีดยางหาเงินก่อน และจะใช้นำเงินดังกล่าวมาจ่ายให้ฝ่ายชายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งก็ถือว่าจบกันไปในเรื่องทำลายทรัพย์สิน
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับนายวสันต์ ฝ่ายชาย ถามถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ว่ามันคงไปต่อไม่ได้แล้ว เพราะเขามาเอาตน ไม่ใช่ตนไม่รับผิดชอบนะ ตนก็รับผิดชอบพาผู้ใหญ่ไปขอกันดีๆ แต่เขาไม่เอาด้วย ส่วนลูกถ้าฝ่ายหญิงไม่เลี้ยงให้ตนรับมาเลี้ยง ตนก็ยินดียอมรับจะเอามาเลี้ยง ถ้าจะให้ตนส่งเสีย ผมก็จะส่งเท่าที่ตนหาได้ จะรับผิดชอบเท่าที่มีความสามารถ
ในช่วงหนึ่ง นางพิสมัย อายุ 59 ปี อาของฝ่ายหญิง ถามกับผู้เป็นย่าของฝ่ายชายว่า หลานยาย ยายก็รัก หลานสาวหนู หนูก็รัก สรุปแล้วพวกเราเกี่ยวดองกันไม่ได้ใช่ไหม ย่าก็ตอบว่า ทำนองนั้นละ ต่างฝ่ายก็พยักหน้าว่าดองกันไม่ได้แล้ว
น้องก้อย ฝ่ายหญิงที่ก่อเหตุ กล่าวว่า วันที่พูดคุยล่าสุดกับแฟนที่ไปสู่ขอวันนั้น (3 ม.ค.) ถ้าวันนี้ออกไปแล้วก็ไปเลย ไม่ต้องกลับมาอีก เพราะว่ามาคุย (ขอ) กันมา 3 รอบแล้ว เขาก็บอกว่าจะออกไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่
ตนก็เลยบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว เพราะเรารอมาตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ตนก็คุยกับฝ่ายชาย มีผู้ใหญ่นั่งฟังด้วย ว่าฝ่ายชายจะวางเงิน 50,000 ใช่ไหม เอาอย่างนี้ดีไหม วางเงิน 50,000 แล้วเอาเราไปอยู่ด้วย ตนก็บอกว่าได้ ฝ่ายชายขอเวลาปี 2 ปี ก็ได้เหมือนกัน ให้เราไปหาช่วยก็ได้
แต่ว่าเราขอให้หามาอีก 100,000 ได้ไหม ให้มันเท่ากับที่เราเคยคุยกันไว้ตอนแรก รวมกับที่มาวางไว้ 50,000 เป็น 150,000 บาท เอาแบบนั้นไหม ฝ่ายชายก็ไปปรึกษากับครอบครัวเขา ซึ่งเขาก็ไม่ตกลง เขาก็กลับ ก็เลยบอกว่า เออถ้าคุณไปแล้ว คุณก็ไม่ต้องกลับมาอีกนะ คุณก็ไปเลย
“ส่วนประเด็นที่หนูต้องไปทำลายข้าวของนั้น วันนั้นหลังตกลงค่าสินสอดไม่ได้นั้น ฝ่ายชายก็บล็อกเฟซหนู ก็เลยโทรหาบอกว่าจะมาเอาผ้าห่มนะ ไม่ได้ตั้งใจจะไปพังข้าวของ พอไปถึงก็พบแฟนอยู่บ้าน ก็พูดจากันดีๆ ฝ่ายชายก็เอาผ้าห่มออกมาให้ และพูดกันว่าถ้ามันอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เธอก็เป็นพ่อ เราก็เป็นแม่เหมือนเดิม
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน พอคุยไปมาก็ทะเลาะกัน เขาก็ว่าหนู ทำไม่เอาเงิน 50,000 ทำไมต้องเชื่อพ่อกับแม่ ทำไมต้องเชื่อพ่อกับแม่เหรอ จะหน้าเงินเหมือนพ่อกับแม่เหรอ พ่อกับแม่เนี่ยหน้าเงิน มึงก็จะหน้าเงินเหมือนพ่อกับแม่มึงเหรอ ขึ้นมึงขึ้นมึงกู ทีนี้ก็ทะเลาะกันใหญ่” น.ส.ก้อย กล่าว
น.ส.ก้อย กล่าวต่อว่า ตนก็โมโห ซึ่งวันนั้นตนก็ไม่ได้เมา พี่ที่เขาลงข่าวว่าเมา ตนไม่ได้เมา รู้ตัว ตนท้อง ตนไม่เมาไม่กินอยู่แล้วค่ะพี่ พอทะเลาะกัน ด่าพ่อด่าแม่หนูว่าหน้าเงินแล้ว ตนก็โมโหฟิวส์ขาด ก็เข้าไปพังข้าวของจริงค่ะ ยอมรับผิดค่ะ
“หนูผิดที่ไปพังของ แต่เขาก็ด่าพ่อด่าแม่หนูเหมือนกันค่ะ แล้วฝ่ายชายก็พยายามจะให้หนูอยู่นั่น ไม่ให้หนูกลับบ้าน บอกว่าอยู่นี่แหละไม่ต้องกลับหรอก เดี๋ยวจะเลี้ยงเอง จากนั้นก็มีการดึงยื้อแย่งกัน ก็พังตามที่เห็นนั้นละค่ะ วันนี้ก็มาแสดงความรับผิดชอบ ตกลงกันว่าจะชดใช้ค่าเสียหาย ก็รอสิ้นเดือนค่ะจะจ่ายทีเดียวเลย” น.ส.ก้อย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องชีวิตคู่ โดยฝ่ายหญิงบอกว่า ต่างคนต่างไปค่ะ เดี๋ยวลูกหนูเลี้ยงเองค่ะ หนูเลี้ยงเองได้ เหมือนกันค่ะพี่ เลี้ยงได้ค่ะ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อเช้าคุยกับฝ่ายชาย เขาก็สุภาพบุรุษนะ เขาบอกว่าเขาก็จะยอมรับเลี้ยงลูกเหมือนกัน ถ้าเกิดคลอดมาแล้ว อยากให้เขาเอาลูกมาเลี้ยง เอามาไว้กับเขาก็ได้ ย่าเขาเองก็อยากจะเลี้ยงหลานเหมือนกัน ตัวเรามองว่ายังไงคิดยังไง
น.ส.ก้อย กล่าวว่า ขนาดสินสอดยังขนาดนี้แล้ว ก็ไม่เป็นไร เก็บเงินของคุณไว้เถอะค่ะ แต่ว่าก็หนูเลี้ยงเองได้ค่ะ หนูเลี้ยงเองดีกว่า แม่ก็จะช่วยเลี้ยงหลาน ถึงลูกไม่อยู่ไปทำงานหาเงิน แม่เองก็จะเลี้ยงหลานต่อไป จบทางใครทางมัน
ที่มา มติชน