ตำรวจทางหลวงอยุธยา สกัดขบวนการขนแรงงานเมียนมาผิดกฎหมาย 31 คน แรงงานสารภาพอยากมาทำงานในเมือง เสียค่าใช้จ่ายคนละ 8000-10000 บาท
วันที่ 5 ก.พ.2568 พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สืบทราบว่ามีขบวนการขนแรงงานต่างด้าว เข้ามาในประเทศไทยผิดกฎหมาย ใช้วิธีการเดินเท้าข้ามชายแดนเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ แล้วจะมีรถยนต์ไปรอรับ เพื่อมาส่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงออกตรวจสืบสวนหาข่าว เพื่อสกัดจับกุมกลุ่มขบวนการที่ขนแรงานต่างด้าวผิดกฏหมาย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ออกตรวจอยู่บนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 6 อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบเห็นรถยนต์ตู้ สีขาว และรถยนต์ เอนกประสงค์สีเทา ขับมา ด้วยความเร็ว ลักษณะขับตามกันอย่างกระชันชิด รถทั้ง 2 คันยังมีลักษณะคล้ายบรรทุกสิ่งของมาหนัก จึงได้ขับติดตาม พร้อมกับวิทยุให้รถสายตรวจช่วยสกัด จนสามารถหยุดรถทั้ง 2 คันได้
จากการตรวจรถยนต์ตู้ มีนาย ไซ เมี่ยน ตู อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นคนขับ ภายในรถตู้พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 24 คน นั่งอัดแน่นอยู่ในรถยนต์ตู้ที่ดัดแปลง ถอดเบาะโดยสารออก เพื่อให้ขนแรงงานต่างด้าวมาได้จำนวนมาก
ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ อีกคัน มีนายภาณุวัฒน์ วงค์ษา อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย เป็นคนขับ ภายในรถพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา นั่งโดยสารมาด้วย 7 คน โดยแรงงานต่างด้าวทั้งหมดจากการตรวจสอบ ไม่มีหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
ส่วนคนขับรถยนต์ทั้ง 2 คน ยอมรับสารภาพว่า มีคนไทยไม่ทราบชื่อ ติดต่อว่าจ้างให้ไปรับแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อไปส่งปลายทางพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยนายไซ เมี่ยน ตู ได้ค่าจ้าง 8,000 บาท ส่วนนายภาณุวัฒน์อ้างยังไม่ได้ค่าจ้าง
สอบถามแรงงานต่างด้าว ทราบว่าเดินเท้าข้ามชายแดน มาในพื้นที่ จ.เชียงราย และจะมีคนไทยและชาวเมียนมามารอรับ และติดต่อว่าจ้างรถพามาส่ง เพื่อไปทำงาน ทุกคนจะเสียค่าใช้จ่าย คนละ 8,000-10,000 บาท
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงคุมตัวคนขับรถทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ดำเนินคดี ในข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”ส่วนแรงงานทั้งหมด ดำเนินคดีใน ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”