จากกรณีของ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี คู่กรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ที่กำลังอยู่ระหว่างฟ้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอและกำลังเป็นข่าวโด่งดัง สร้างความสับสนอลเวงให้กับสังคมคนไทยที่เสพข่าวดังกล่าวมานานร่วม 5 เดือน ขณะเดียวกันยังมีข่าวลือเป็นระยะว่า นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความส่วนตัวของนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ “เจ๊บ้าบิ่น” พยานปากสำคัญของครูปรีชานั้นได้ถอนตัวจากการเป็นทนายความให้กับเจ๊บ้าบิ่น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 เม.ย. นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความของเจ๊บ้าบิ่น ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องที่ตนถอนตัวจากการเป็นทนายความให้กับเจ๊บ้าบิ่นนั้นไม่เป็นความจริง แต่ข่าวลือดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับคนในสังคมที่คอยติดตามความเคลื่อนไหว ดังนั้นตนในฐานะทนายความส่วนตัวของเจ๊บ้าบิ่น จึงขอชี้แจงให้ประชาชนชาวกาญจนบุรีและสังคมทั้งประเทศได้เข้าใจตรงกันว่า ตนยังคงเป็นทนายความให้กับเจ๊บ้าบิ่นอยู่ และไม่เคยถอนตัวจากการเป็นทนายความให้กับเจ๊บ้าบิ่นแต่อย่างใด

นายสุชพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีแรกที่ตนเป็นทนายให้กับเจ๊บ้าบิ่นคือคดีขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา คดีที่สองคือคดีที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และคดีที่สามที่ตัดสินใจเป็นทนายความให้คือให้ข้อความอันเป็นเท็จ สำหรับคดีที่สามเจ๊บ้าบิ่นกับครูปรีชาถูกจับเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้มีการฝากขังที่ศาลอาญา ตนจะนำเจ๊บ้านบิ่นที่เป็นผู้ต้องหาร่วมกับครูปรีชา ไปรายงานตัวที่ศาลอาญา ตามที่ศาลได้นัดเอาไว้ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ เพื่อให้ทราบว่าคดีนี้ทางพนักงานอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่อย่างไร ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า ตนไม่ได้ถอนตัวจากการเป็นทนายความให้กับเจ๊บ้าบิ่นแต่อย่างใด

นายสุชพงศ์ กล่าวอีกว่า ขอให้สังคมได้เข้าใจตรงกัน และขอให้สังคมติดตามข่าวสารตามช่องทางที่น่าเชื่อถือได้ โดยอย่าไปติดตามข่าวสารตามช่องทางที่เกาะกะแส เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองผ่านช่องทางยูทูป ซึ่งตนถือว่ามันเป็นการสร้างความสับสนให้กับสังคม ขณะเดียวกันในกรณีนี้ตนถือว่าเป็นกรณีศึกษาว่า สำหรับกรณีที่โดนกล่าวหาแล้ว ผู้ต้องหาเขามีสิทธิ์อย่างไร อย่างเช่นมีสิทธิ์ที่จะมีทนายความเข้าไปร่วมรับฟังการสอบสวน หรือมีสิทธิ์ที่จะให้การหรือไม่ให้การอย่างไร ซึ่งขณะนี้กรณีของเจ๊บ้าบิ่น ตนได้ยื่นเพื่อขอความเป็นธรรมไปในชั้นอัยการ เพราะเราเห็นว่าในส่วนของการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการแล้ว

“สิทธิของผู้ต้องหาก็สามารถเรียกร้องขอความเป็นธรรมได้ ถ้าเห็นว่าหรือคิดว่าขั้นตอนการสอบสวนนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมและควรจะมีพยานหลักฐานอะไรเพิ่มก็ขอไปที่อัยการได้ ซึ่งเจ๊บ้าบิ่นก็ได้ยื่นขอไปแล้วเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันศาลได้นัดในวันที่ 19 เม.ย.ซึ่งตนก็ไม่มั่นใจว่าทางอัยการจะสามารถพิจารณาได้ทันหรือไม่ ซึ่งหากท่านเห็นชอบจะให้ความเป็นธรรมในการสอบสวนเพิ่มเติม คดีนี้ก็อาจจะมีการสอบเพิ่มเติมไป ส่วนระยะเวลาที่ศาลนัดนั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องของเจ๊บ้าบิ่นที่จะไปรับทราบจากศาลว่าศาลจะนัดหรือไม่อย่างไร” นายสุชพงศ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน