พ่อ-ลูกไถนากลางทุ่ง เข้าไปหลบฝนในกระท่อม นั่งพูดคุยหลังชนกัน ฟ้ามาเปรี้ยงเดียวลูกฟุบตัวไหม้กระดูกหักทั่วร่าง สร้องทองหนัก 2 บาทที่ใส่ติดตัวตั้งแต่บวชเหลือเพียงเศษ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 พ.ค.2568 ร.ต.อ.วิวัฒน์ นามอาษา รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากชาวบ้านเกิดเหตุฟ้าผ่าชายเสียชีวิตที่กระท่อมกลางทุ่งนา หมู่บ้านโคกเขาพัฒนา ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน และหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุดอำเภอปะคำ
ที่เกิดเหตุกลางทุ่งนาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กม. ภายในกระท่อมซึ่งมีต้นมะขาม 2 ต้นขนาบข้างซ้าย-ขวา พบศพนายทศพร อายุ 34 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่ นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพมีรอยไหม้ตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงหน้าอก ช่องท้องและบริเวณสะโพก กระดูกแตกหักตามร่างกายหลายส่วน บริเวณเสาของกระท่อมพบร่องรอยความเสียหายจากกระแสฟ้าผ่าลงมา โดยมีครอบครัวและชาวบ้านต่างอยู่ในการตกใจและเสียใจ
นายบุญเกิด อายุ 57 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับลูกชายเอารถไถนาแบบนั่งขับออกไปไถนา จากนั้นเกิดฝนตกลงมา ลูกชายซึ่งเป็นคนขับได้ขับรถมาจอดที่กระท่อม ยังไม่ปิดเครื่องยนต์ ผ่านไปประมาณ 10 นาทีฝนเริ่มซา
” ผมกับลูกชายนั่งพิงเสากระท่อมต้นเดียวกันลำตัวห่างกันประมาณ 1 คืบ ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเห็นแสงฟาดลงมาก่อนจากนั้นได้ยินเสียงเปรี้ยงตามมา ผมรู้สึกเสียววาบอยู่ด้านหลังก่อนจะรู้สึกร้อนต้นคอและแผ่นหลัง เมื่อหันไปดูลูกชายพบว่านอนฟุบลงจึงคว้าศีรษะของลูกขึ้นมาพบว่าน้ำลายฟูมปากมีรอยไหม้ทั่วร่างเสียชีวิตไปแล้ว ”
ขณะที่นางกมลรัตน์ อายุ 52 ปีผู้เป็นแม่ บอกว่า บริเวณทุ่งนาแถวนี้ไม่เคยมีเหตุฟ้าผ่ามาก่อน แต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือสร้อยคอทองคำของลูกชายหนัก 2 บาทที่ใส่ติดตัวตั้งแต่บวช หายไปพยายามค้นหาตามรอบกระท่อมและโดยรอบ พบเพียงเศษทองเพียงไม่กี่ข้อ เสียใจมากเพราะลูกชายเป็นคนดีตั้งใจทำงาน ส่วนสาเหตุที่พ่อไม่โดนด้วยหมอชี้แจงว่าอาจเป็นเพราะเสาไม้ที่พิงด้วยกันไม่เปียกน้ำทำให้กระแสไฟไปไม่ถึง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พร้อมสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป