อดีตทหารเรือ นามสกุลดัง ฉุนเพื่อนบ้าน สตาร์ตรถแช่นาน เสียงดังรำคาญ คว้าปืนยิงผัวบาดเจ็บ เมียวิ่งออกมา ถูกยิงกระสุนเข้าเบ้าตาทะลักดับสลด

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 20 มิ.ย.2568 พ.ต.ท.อำพล นุชนงค์ สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งเหตุยิงกัน ที่ห้องแถวแห่งหนึ่ง ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร, ร.ต.ท.วิทวัส ศรีคง รอง สว.(ป)หัวหน้าสายตรวจตำบลวังไผ่, ตำรวจชุดสายสืบ สายตรวจ ตำรวพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร

ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง ที่หน้าห้องเช่าเลขที่ 26 ซึ่งเป็นห้องซ้ายสุด มีรถกระบะ อีซูซุ สีดำ จอดอยู่หน้าบ้าน ที่หน้าประตูบ้าน และใกล้กับประตูรถยนต์ด้านขวา มีกองเลือดจำนวนมาก ทราบมีผู้ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส หน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว

อดีตทหารเรือ นามสกุลดัง ฉุนเพื่อนบ้าน สตาร์ตรถแช่นาน เสียงดังรำคาญ คว้าปืนยิงผัวบาดเจ็บ เมียวิ่งออกมา ถูกยิงกระสุนเข้าเบ้าตาทะลักดับสลด

อดีตทหารเรือ นามสกุลดัง ฉุนเพื่อนบ้าน สตาร์ตรถแช่นาน เสียงดังรำคาญ คว้าปืนยิงผัวบาดเจ็บ เมียวิ่งออกมา ถูกยิงกระสุนเข้าเบ้าตาทะลักดับสลด

ทราบชื่อคือ น.ส.จิราวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่ตาข้างขวาจนลูกตาทะลักออกมานอกเบ้า อาการโคม่า หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ก่อนแล้วและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ได้วิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ริมถนน ทราบชื่อ นายสุรพจน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี สภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว มีเลือดไหลท่วมตัว ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้าใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากเข้าไม่ลึก บาดเจ็บไม่มาก พูดจาถามตอบรู้เรื่องดี

นายสุรพจน์ กล่าวว่า คนก่อเหตุยิงตนเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ซึ่งมาอยู่ที่หลังตน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นานทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้งก่อนจะขับออกไป หรือก่อนจะดับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว

ช่วงเกิดเหตุก็เช่นกัน ตนจึงได้เดินไปเคาะประตูถามว่า ได้ว่าอะไรตนเท่านั้นเอง ก็คว้าปืนมาไล่ยิงตนจนต้องวิ่งหนีออกมา เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งไปทำแผลที่โรงพยาบาล

ส่วนที่จุดเกิดเหตุ มีกำลังตำรวจชุดสายสืบทั้งในและนอกเครื่องแบบควบคุมพื้นที่อยู่ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นอดีตทหารเรือเกษียณราชการนายหนึ่ง ยศ ร.ท. นามสกุล อิศรางกูร ณ อยุธยา อายุ 67 ปี ซึ่งพักอยู่ห้องแถวเช่าเดียวกัน อยู่ห้องด้านขวามือสุด ซึ่งปิดล็อกประตูหน้าและประตูหลัง

เจ้าหน้าที่พยายามตะโกนเรียกแต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับ โดยตำรวจได้พยายามตะโกนเรียกและตรวจสอบรอบ ๆ พื้นที่ พบปลอกกระสุน ขนาด .22 ตกอยู่ 1 ปลอก บนพื้นปูนใกล้กับห้องเช่า ทำให้ตำรวจไม่กล้าบุกจู่โจมเข้าไปเพราะผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน

กระทั่ง ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมชุดเสื้อเกราะและโล่กันกระสุน จึงตัดสินใจสะเดาะกลอนประตูลูกบิด บุกจู่โจมเข้าไป ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ได้ปิดล็อกประตูบ้านถ่วงเวลาหลอกเจ้าหน้าที่ไว้ โดยทราบว่า ได้ขับรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สตาร์ด้า สีเทาดำ ทะเบียน อุดรธานี หลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า หลังก่อเหตุผู้ก่อเหตุได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดทิ้งไว้ในที่จอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ภรรยาใหม่ของผู้ก่อเหตุทำงานอยู่

ตรวจสอบภายในรถพบอาวุธปืนยาวขนาด .22 กระบอกที่ใช้ก่อเหตุ วางอยู่บนเบาะหลัง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วน ร.ท. ผู้ก่อเหตุยังไม่ทราบว่าหลบหนีไปทางทิศทางใด เจ้าหน้าที่กำลังตามไล่หากล้องวงจรปิดอยู่ขณะนี้

จากการสอบถามภรรยาผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า สามีตนเป็นพ่อหม้ายบ้านเดิมอยู่ จ.อุดรธานี ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าสามีได้ไปส่งตนซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร แล้วสามีก็ได้ขับรถกลับมาที่บ้านเช่า แต่ที่ผ่านมาสามีตนและผู้ที่ถูกยิงบาดเจ็บเคยมีปากเสียงกันมาก่อนจากปัญหาเรื่องเสียงรถยนต์ดังรบกวน

ด้าน พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า เหตุการณ์ยิงกันมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน เบื้องต้นทราบว่า สาเหตุมาจากผู้ก่อเหตุกับผู้บาดเจ็บมีปัญหากันเรื่องติดเครื่องรถยนต์เสียงดัง ช่วงเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ต่อว่าผู้บาดเจ็บว่าติดรถยนต์เสียงดัง

จากนั้นผู้บาดเจ็บได้เดินไปเคาะประตูห้องถามผู้ก่อเหตุถึงเรื่องที่ถูกต่อว่าดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ร.ท. ผู้ก่อเหตุ ได้เปิดประตูออกมาแล้วจ่อยิงไปที่หน้าของ นายสุรพจน์ แต่กระสุนเชี่ยวไปถูกบริเวณลำคอช่วงไหปลาร้าด้านขวาบาดเจ็บไม่มาก

พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวต่อว่า จากนั้น ภรรยาของนายสุรพจน์ซึ่งอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงปืนจึงวิ่งออกมาดู แต่เมื่อผู้ก่อเหตุเห็นเข้าจึงหันไปยิงใส่ 1 นัด จนบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน