เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ทางการฝรั่งเศสมีคำสั่งระดมกำลังพลสำรองตำรวจทั่วประเทศ 12,000 นาย และระดมหน่วยกำลังพลสำรองเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย รับมือหลังเกิดเหตุก่อการร้ายวันชาติฝรั่งเศส ในเมืองนีซ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 84 ราย บาดเจ็บกว่า 300 คน ในจำนวนนี้ 85 คนยังรักษาอาการอยู่โรงพยาบาล และ 18 คนยังอาการวิกฤต

 

นางมารีน เลอ แปง ผู้นำพรรคฝ่ายค้านฝรั่งเศส เสนอให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณให้กองทัพ และแก้ไขกฎหมายเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งกองกำลังมาตุภูมิ หรือแนชั่นแนลการ์ด เพื่อรับมือเหตุก่อการร้าย และแนะนำให้นายแบร์นาด์ คาสเนิฟ รมว.กิจการภายในลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงสปิริตหลังหน่วยงานความมั่นคงพลเรือนล้มเหลวจนเกิดเหตุวินาศกรรมต่อเนื่องครั้งที่ 3 ในรอบ 18 เดือน มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 250 รายแล้ว แต่นายแบร์นาด์กล่าวว่า ฝรั่งเศสกำลังเจอกับโจมตีรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นรูปแบบที่รับมือยาก

ศพเกลื่อนกลาดในคืนวันเกิดเหตุ 14 ก.ค.

ศพเกลื่อนกลาดในคืนวันเกิดเหตุ 14 ก.ค.

 

 
ส่วนการสอบสวน ตำรวจฝรั่งเศสควบคุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับนายโมฮาเหม็ด ลาฮูเวจ บูฮ์เลล ผู้ก่อเหตุวัย 31 ปี เชื้อสายตูนิเซียเพิ่มเติมอีก 2 คนจากเดิม 5 คน เป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่งในเมืองนีซ เพื่อไปสอบปากคำหาข้อมูลตัดสินอีกครั้งว่า นายบูฮ์เลลผันตัวสุดโต่งอย่างฉับพลันและก่อเหตุตามแรงกระตุ้นของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ตามคำกล่าวอ้างของไอเอส หรือเป็นเพียงคนก้าวร้าวรุนแรงที่มีสภาวะทางจิตไม่มั่นคง

 
การตรวจสอบพบว่านายลาฮูเวจ บูฮ์เลล เดินทางไปดูลาดเลาจุดก่อเหตุด้วยรถบรรทุกคันที่ใช้ก่อเหตุในเมืองนีซ 2 วัน ก่อนวันเกิดเหตุ โดยพยานในบริเวณนั้นระบุว่า สังเกตเห็นนายลาฮูเวจ บูฮ์เลล และมีท่าทางที่ค่อนข้างเคร่งศาสนา สอดคล้องกับที่ทางการฝรั่งเศสคาดไว้ว่า นายบูฮ์เลลน่าจะเพิ่งหันไปนิยมลัทธิสุดโต่งอย่างฉับพลัน จากเดิมที่เป็นคนดื่มเบียร์ และไม่ถือศีลอดในช่วงรอมฎอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน