วันที่ 2 พ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อกรณีไม่เตรียมการรับมือกลุ่มหน้ากากที่เข้ามาผสมโรงกับการเดินขบวนกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ในวาระวันแรงงานสากล 1 พฤษภาคม เพื่อต่อต้านแผนปฏิรูปแรงงานของนายเอ็มมานูเอล มาครง จนกลายเป็นเหตุจลาจลอันโกลาหล ก่อนลงเอยมีผู้ถูกจับคุมขังคน 109 คน

กลุ่มใส่หน้ากากรื้อของกระจุยกระจาย จากนั้นจุดไฟเผาร้านแมคโดนัลด์ ใกล้สถานีรถไฟอัสเตอร์ลิซ ทางตะวันออกของเมืองและจุดไฟเผารถยนต์ ที่บริษัทตัวแทนจำหน่ายทำให้เกิดควันโขมงขึ้นในอากาศ ร้านค้าและบริษัทเสียหาย 31 แห่ง รถยนต์ถูกเผา 6 คัน และผู้บาดเจ็บ 4 คน

A car burns outside a Renault automobile garage during clashes during the May Day labour union march in Paris, France, May 1, 2018. REUTERS/Christian Hartmann

นายเจอราร์ด คอลลอมบ์ รัฐมนตรีกิจการภายในของฝรั่งเศสสัญญาว่าจะยกระดับความปลอดภัยในกรุงปารีสใหม่ ครั้งหน้าจะมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมากขึ้น ส่วนการเดินประท้วงครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พยายามแยกผู้ประท้วงออกจากม็อบที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหายก่อน

A protester holds a smoke safety flare during the May Day labour union march in Paris, France, May 1, 2018. REUTERS/Christian Hartmann

นายเบนจามิน กรีโวลล์ โฆษกประจำรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์การประท้วงครั้งนี้ว่า หากการประท้วงเป็นไปด้วยความจริงใจ ก็ควรจะถอดหน้ากากออก และใครที่คลุมหมวกมา คือศัตรูต่อประชาธิปไตย

สำหรับการประท้วงของผู้ใช้แรงงานมาจากการ สหภาพแรงงานเกิดความไม่พอใจในแผนการปฏิรูปของประธานาธิบดีมาครงอย่างต่อเนื่อง มีทั้งครู พยาบาล และวิชาชีพอื่นๆ เข้าร่วม แต่ครั้งล่าสุดนี้อยู่ที่หลักหมื่น น้อยกว่าเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวนกว่า 223,000 คน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน