เมื่อวันที่ 4 พ.ค. เอเอฟพีรายงานสภาพอากาศแปรปรวนในภูมิภาคเอเชียใต้ หลังเกิดเหตุพายุฝุ่นพัดถล่มทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ครอบคลุมพื้นที่รัฐอุตตรประเทศ ราชสถาน และปันจาบ ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 143 ราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราว 200 คนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีปศุสัตว์และสัตว์อื่นๆ อีกกว่า 150 ตัวล้มตาย โดยอิทธิพลของพายุทำให้อาคารบ้านเรือนเสียหาย ต้นไม้ล้มระเนระนาด เสาไฟฟ้าจำนวนมากหักพัง และก่อนหน้านี้ที่รัฐอานธรประเทศ ทางตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่งเกิดฟ้าผ่ามากกว่า 41,000 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก

ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมที ผู้นำอินเดีย โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ว่า รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียชีวิตในสถานการณ์พายุฝุ่นพัดถล่มในหลายพื้นที่ของประเทศ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ขอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวในเร็ววัน และว่าตนได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดต่อประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐที่ประสบภัย เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ

AFP

วันเดียวกัน เว็บไซต์ทริบูนระบุว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขเมืองการาจี จังหวัดสินธ์ ประเทศปากีสถาน ประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อน หรือฮีตเวฟ ระดับสูงสุดสีแดง หลังอุณหภูมิเพิ่มขึ้นมากถึง 8 องศาเซลเซียสในระยะเวลาเพียงวันเดียว จาก 36 องศาเซลเซียสเป็น 44 องศาเซลเซียสเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์คลื่นความร้อนจะบรรเทาลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน