เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวข่าวสดรายงานการเลือกตั้งมาเลเซีย จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด แกนนำแนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน ประกาศชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้ง เหนือพรรคแนวร่วมแห่งชาติ หรือ บีเอ็น ของนายนาจิบ ราซัก ในช่วงหลังเที่ยงคืน เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งทยอยแถลงรับรองผลการเลือกตั้งในรัฐต่างๆ ซึ่งล่าช้าจากช่วงเวลาปกติที่เคยประกาศ
ปรากฏว่าแนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน ได้ที่นั่งในสภา 113 ที่นั่ง เท่ากับได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ส่วนพรรคบีเอ็นได้ไป 79 ที่นั่ง พ่ายแพ้และหลุดจากการเป็นฝ่ายบริหารครั้งแรกในรอบ 60 ปี
ทั้งนี้ หลังจากการปิดหีบการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียเมื่อเย็นวันที่ 9 พ.ค. แนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน จัดสถานที่จัดการถ่ายทอดสดการนับคะแนนการเลือกครั้งทั่วไปครั้งที่ 14 ขึ้นที่สวนปาดัง ติมอร์ เปตาลิงจายา รัฐสลังงอร์ ใกล้กับโรงแรมเชอราตัน ซึ่งดร.มหาเธร์ ใช้เป็นสถานที่จัดวอร์รูม
สำหรับผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่สนับสนุนแนวร่วมดังกล่าว และบางส่วนเข้าร่วมพร้อมกับธง สวมเสื้อที่มีสัญลักษณ์ของแนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน นอกจากจะมีผู้สนับสนุนเชื้อสายมาเลย์ที่เข้าร่วมแล้ว ยังมีชาวมาเลย์จีน และมาเลย์อินเดียให้ความสนใจอีกด้วย
เมื่อการนับคะแนนเริ่มคู่คี่สูสี มีการสร้างความครื้นเครงให้กับผู้เข้าร่วมงานจากสตาฟฟ์ของแนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน อย่างการนำตะโกนว่า “จับเป็นนาจิบ” รวมไปถึงคำว่า “มุ่งหน้าสู่ปุตราจายา” ซึ่งเป็นศูนย์กลางราชการของมาเลเซีย และเป็นที่ทำการของรัฐบาล พร้อมกับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการขึ้นพูดของทีมงานปากาตัน ฮาราปัน แต่ไม่พบนักการเมืองเข้าร่วมแต่อย่างใด เชื่อว่าหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ห้ามหาเสียง จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืน
หลังจากผลการนับคะแนนไม่เป็นทางการค่อนข้างชัด พร้อมกับการออกมาแถลงของดร.มหาเธร์ ในเรื่องชัยชนะ และกล่าวโจมตีคณะกรรมการการเลือกตั้งที่พยายามถ่วงเวลา บรรดากองเชียร์ต่างร้องด้วยความดีใจ บางคนถึงกับหลั่งน้ำตา อย่างนายไซนุล อซิซาน ที่หลั่งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ประชาชนมีชัยชนะ หลังจากที่แนวร่วมฝ่ายค้านริเริ่มแนวคิดปฏิรูปประเทศ (Reformasi)
“เราชนะแล้ว พระเจ้าเข้าใจเรา เราถูกกดดันมานาน ตอนนี้พระเจ้าท่านทรงเห็นพวกเราแล้ว พลังของประชาชนชนะ เราไม่อยากให้มาเลเซียเป็นแบบซีเรีย หรืออียิปต์ ที่ไม่เปิดโอกาสให้กับประชาชนเข้าถึงอำนาจการเปลี่ยนแปลงประเทศ” นายไซนุลกล่าว
นอกจากนี้ยังยอมรับด้วยว่า ตนแทบไม่เชื่อเลยว่า ตุน หรือ ท่านมหาเธร์จะเป็นคนเข้ามาปฏิรูปประเทศ ซึ่งตนในฐานะชาวมาเลเซียรู้สึกภูมิใจมาก พร้อมกันนี้ยังระบุว่าหลังจากรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่แล้ว ตนอยากเห็นรัฐบาลเอาผิดนายนาจิบ ราซัก แกนนำแนวร่วมแห่งชาติในข้อหากบฏ ที่ตอนนี้ทำผิดไปกว่า 60 ข้อหา โดยเฉพาะการทุจริต ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และไม่จริงใจ