เอพีรายงานเมื่อ 13 พ.ค. ถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายวางระเบิดโจมตีโบสถ์ 3 แห่งในเมืองสุราบายา จังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และอีก 35 คนบาดเจ็บ ว่าเป็นฝีมือของสมาชิกในครอบครัว 6 คน พ่อแม่ลูก กระจายกำลังกันก่อเหตุ ส่วนกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ประกาศตัวอยู่เบื้องหลัง
ไอเอสแถลงผ่านสำนักข่าวอามักของกลุ่่ม ว่าเป็นฝีมือของตน นับเป็นเหตุจองล้างชาวคริสต์ชนกลุ่มน้อยที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ปี 2548
โฆษกตำรวจจังหวัดชวาตะวันออกแถลงว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.30 น. ซึ่งอยู่ระหว่างการประกอบพิธีมิสซาวันอาทิตย์ กลุ่มคนร้ายใช้เวลาเพียง 10 นาทีบุกโจมตีโบสถ์ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โบสถ์ซานตามาเรีย โบสถ์สุราบายา เซ็นเตอร์ คริสตจักรเพนเทคอสต์ และโบสถ์จีเคไอ ดิโปเนโกโร
ด้านพ.ต.อ.มาชฟุด อาริฟิน สารวัตรใหญ่ เปิดเผยการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า เหตุโจมตีที่โบสถ์ซานตามาเรียเป็นการระเบิดพลีชีพของคนร้ายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์
กรณีดังกล่าวตอกย้ำวิกฤตความขัดแย้งทางศาสนาในอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรนับถือศาสนาอิสลามเกือบร้อยละ 90 ขณะที่ชาวคริสต์ พุทธ และฮินดูมีสถานภาพไม่ต่างจากชนกลุ่มน้อย ซ้ำร้ายยังถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รวมถึงเหตุคนร้ายมุสลิมสายสุดโต่งที่ต้องการเข้าร่วมกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย บุกโจมตีโบสถ์ในเมืองสเลมัน จนมีผู้บาดเจ็บ 4 คนเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายถูกตำรวจยิงสกัดและจับกุมไปดำเนินคดี
นอกจากนี้ ยังเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันภายหลังกลุ่มนักโทษมุสลิมสายสุดโต่งก่อเหตุจลาจลที่เรือนจำเมืองเดป็อก ชานกรุงจาการ์ตา โดยจับเจ้าหน้าที่ 1 นายของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษปราบปรามการก่อการร้ายในชื่อเดนซัส 88 เป็นตัวประกัน พร้อมสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลังพิเศษอีก 5 นายเสียชีวิต ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้าดุเดือดนาน 36 ชั่วโมงก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้