เปิดประวัติ “หมอริชาร์ด แฮร์ริส” นักดำน้ำผู้ฟันธงทีมหมูป่าพร้อมออกจากถ้ำ
วันที่ 10 ก.ค. เดลี่เมล รายงานว่า หมอริชาร์ด แฮร์ริส จากเมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย นายแพทย์และนักดำน้ำทีมกู้ภัย วัย 53 ปี ที่เข้าช่วยเหลือเด็ก 12 คนและโค้ชที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง โดย ดร.แฮร์ริส ถูกเรียกมาเป็นกรณีพิเศษสำหรับภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ เนื่องจากความชำนาญด้านการแพทย์และประสบการณ์ในการดำน้ำในถ้ำที่มีอันตราย
หมอริชาร์ด แฮร์ริส
เมื่อปี พ.ศ. 2544 ดร.แฮร์ริสได้อาสากู้ร่างไร้ชีวิตของ แอกเนส มิโลกา เพื่อนนักดำน้ำของเขา โดย น.ส. มิโลกาประสบเหตุขาดอากาศขณะดำน้ำในถ้ำแกมบิเออร์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งภารกิจนี้เป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย ดร.แฮร์ริสต้องนำทางภายในถ้ำและกู้ร่างของมิโลกาขึ้นมา
แอกเนส มิโลกา เพื่อนนักดำน้ำของหมอริชาร์ด
ภารกิจดังกล่าวทำให้ ดร.แฮร์ริสมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในหลายประเทศ นอกจากนี้ ดร.แฮร์ริสยังนำทางทีมนักดำน้ำชาวออสเตรเลียดำน้ำผ่านถ้ำในเกาะทางตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อบันทึกความลึกของแม่น้ำเพิร์ส และสามารถบันทึกความลึกได้ที่ 221 เมตร
หมอริชาร์ด แฮร์ริส มีประสบการณ์ดำน้ำมากว่า 30 ปี
ประสบการณ์ของ ดร.แฮร์ริส ทำให้เขาได้รับการเรียกตัวให้มาร่วมในภารกิจช่วยเหลือเด็กๆ ทีมหมูป่าอคาเดมีที่ประเทศไทย
นายเพียร์ซ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ดร.แฮร์ริส เป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรอบคอบ และเป็นคนที่เงียบขรึม เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ อย่างการดำน้ำในถ้ำที่ทั้งมืดและแคบโดยใช้อุปกรณ์ช่วยเพียงไม่มาก
เดวิด สไตร์ก ออแกไนเซอร์ผู้จัดงานดำน้ำที่รู้จัก ดร.แฮร์ริส มาเป็นเวลามากกว่าสิบปี ให้สัมภาษณ์กับ แฟร์ฟอกซ์ว่า “เขาดำน้ำมามากกว่าสามสิบปี และสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ ช่วยในการสำรวจและถ่ายรูปถ้ำในออสเตรเลียและต่างประเทศ”
“เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาได้เข้าร่วมในภารกิจดำน้ำสำรวจถ้ำในประเทศออสเตรเลีย จีน เกาะคริสต์มาส และนิวซีแลนด์ เขามีความสนใจในการว่ายน้ำอย่างปลอดภัยและการสืบคดีอุบัติเหตุที่เกิดในถ้ำ”
“นอกจากนี้เขายังมีความสามารถด้านการแพทย์ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิสัญญีแพทย์ เขามักจะทำให้ผมตะลึงที่เขาสามารถประเมินสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม”
ทีมหมูป่าอคาเดมี
ตอนที่ ดร.แฮร์ริส เข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่า เขาโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนแผนการช่วยเหลือและนำเด็กชายคนที่อ่อนแอที่สุดออกมาก่อน แทนที่จะเป็นเด็กคนที่แข็งแรงที่สุด
แผนช่วยเหลือในตอนแรกคือการนำเด็กชายที่แข็งแรงที่สุดออกมาก่อนเพราะเขาจะมีโอกาสออกมาได้อย่างปลอดภัยขณะที่เด็กคนอื่นๆ ในถ้ำจะค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายตัวเองให้แข็งแรงขึ้น แต่มันก็ถูกปรับเปลี่ยนหลังจาก ดร.แฮร์ริส ประเมินว่าเด็กคนที่อ่อนแออาจจะไม่รอดถ้าถูกทิ้งไว้ทีหลัง
เด็กชาย 4 จาก 12 คนถูกนำออกมาอย่างปลอดภัยในเช้าวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเด็กคนที่เหลือและโค้ชจะถูกช่วยเหลือตามมา
ดร.แฮร์ริสได้ทำงานในภารกิจนี้ร่วมกับ หน่วยซีลชาวไทยและหน่วยซีลชาวออสเตรเลียอีก 18 คน ภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตรายในการช่วยเหลือเด็กทีมหมูป่าออกมา เริ่มเมื่อวันที่ 8 ก.ค. เมื่อทีมภู้ภัยตัดสินใจว่าต้องนำตัวเด็กออกมาก่อนที่ฝนจะตกและมีน้ำท่วมถ้ำมากกว่านี้
เด็กชายทั้งสี่คนได้รับการช่วยเหลือให้ดำน้ำออกมา โดยเป็นการดำน้ำครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา และสามารถเดินลุยน้ำผ่านช่วงที่น้ำตื้นได้ ซึ่งหลังจากเด็กชายออกมาได้ ทีมกู้ภัยชาวอังกฤษก็ได้เข้ามากอดเด็กๆ ด้วยความดีใจ จากนั้นเด็กๆ จึงได้พบหน้าครอบครัวก่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ขณะที่เด็กอีก 8 คนและโค้ช ยังต้องอยู่ในถ้ำจนถึงวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจทำให้เด็กๆ มีอาการฝันร้าย ปัญหาเรื่องการนอนหลับ ปวดหัวและท้อง และต้องอยู่ใกล้ชิดผู้ปกรอง และยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายอีกด้วย ดร.แอนเดรีย ดีส หัวหน้าแล็บของสาขาวิชาจิตเวช มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่า “หลังจากผ่านระยะเวลาอันยาวนาน เด็กๆ เกือบทั้งหมดจะได้รับการฟื้นฟูภาวะทางอารมณ์ในขั้นต้น”
ภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ประกอบด้วยนักดำน้ำต่างชาติ 5 คนและหน่วยซีลชาวไทย 5 คน และมีนักดำน้ำผู้ให้ความช่วยเหลืออีก 70 คน โดย 50 ใน 70 คนเป็นชาวต่างชาติ
ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าเด็กทั้งหมดอาจต้องติดอยู่ในถ้ำอีกนาน ถ้าพวกเขาเสียโอกาสเมื่อวานนี้ไป เขากล่าวเพิ่มเติมด้วยด้วยว่าวันนี้เป็นวันที่พร้อมที่สุด ทั้งสุขภาพของเด็กๆ ระดับน้ำ และหน่วยช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ จากเครื่องสูบน้ำที่ทำให้ลดปริมาณน้ำจากถ้ำได้ถึง 190 ล้านลิตรจนสามารถเดินออกมาได้ และเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค. เด็กทีมหมูป่าสี่คนและโค้ชยังคงอยู่ในถ้ำ โดยมีสุขภาพดี แต่ยังต้องรออีก 20 ชั่วโมงก่อนจะได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำ
