ฆ่าตัวในกรุงปารีส สาวยูเครนกลุ่ม‘ฟีเมน’ เปลือยอกประท้วงจนต้องลี้ภัย
ฆ่าตัวในกรุงปารีส – วันที่ 24 ก.ค. เว็บไซต์ข่าว ทีเอสเอ็น ของยูเครนรายงานว่า น.ส.ออคซานา ชาชโค หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “ฟีเมน” กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีชาวยูเครน ได้เสียชีวิตลงแล้วเนื่องจากฆ่าตัวตายที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส
ข่าวการเสียชีวิตของน.ส.ชาชโคได้รับการเผยแพร่จากบัญชีเทเลแกรม ปารีส เบิร์นส์ (Paris Burns) ระบุว่า น.ส.ชาชโคฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสนำศพออกมาเพื่อตรวจสอบทางนิติเวช
ขณะที่เจ้าตัวโพสต์รูปภาพข้อความสุดท้ายเป็นภาษาอังกฤษในอินสตาแกรมว่า “YOU ARE FAKE” (คุณโกหก) พร้อมระบุด้วยว่า น.ส.ชาชโคพยายามฆ่าตัวตายเมื่อ 2 ปีก่อน ถึง 2 ครั้ง
фото: фейсбук-сторінка Оксани
ด้าน “อานา” องค์การสตรีนิยม ระบุว่า น.ส.อันนา กุตซอล ผู้ร่วมก่อตั้งฟีเมน พร้อมเพื่อนร่วมงานที่ร่วมเคลื่อนไหว ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของน.ส.ชาชโค
ขณะที่ น.ส.อเล็กซานดรา เชฟเชนโค ผู้ร่วมก่อตั้งฟีเมนอีกคน ให้สัมภาษณ์ บีบีซี ยูเครน ว่า ยังไม่ทราบวันที่เสียชีวิตของน.ส.ชาชโคอย่างแน่ชัด ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก่อน แต่เห็นน.ส.ชาชโคครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ตอนเย็น ตนและน.ส.ชาชโคล่าสุดอาศัยอยู่ในกรุงปารีส
น.ส.เชฟเชนโคให้สัมภาษณ์กับ ทีเอสเอ็น เพิ่มเติมว่า น.ส.ชาชโคเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน แล้วพบศพเมื่อวานนี้
AFP
ทั้งนี้ น.ส.ชาชโค น.ส.กุตซอล และ น.ส.เชฟเชนโค ร่วมก่อตั้งฟีเมนเมื่อปี 2551 และกลายเป็นที่รู้จัก เนื่องจากน.ส.ชาชโคเดินเปลือยอกเข้าร่วมกิจกรรมประท้วงครั้งแรกเมื่อปี 2552 และทำแบบนั้นมาอีกหลายครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัสเซียระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2555 ในคูหาเลือกตั้ง ที่ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เดินทางไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ผู้ประท้วงทั้ง 3 คน ถูกจับกุมตัวและเนรเทศกลับยูเครน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มฟีเมนถูกทำร้ายหลายครั้งในปี 2555 ทั้งหมดจึงต้องหนีไปยังฝรั่งเศส โดยน.ส.ชาชโคได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองในฝรั่งเศส และอาศัยอยู่ในกรุงปารีสนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มฟีเมนแล้วหันมาวาดภาพ โดยมีความเชี่ยวชาญรูปภาพไอคอน และผลงานของเธอได้รับจัดนิทรรศการศิลปะในกรุงปารีสด้วย
ทั้งนี้ เมื่อ 18 เดือนก่อน น.ส.ชาชโคโพสต์รูปแคปหน้าจอระบุข้อความทำนองฆ่าตัวตายในอินสตาแกรมว่า “Not in the mood to live.” (หมดอารมณ์มีชีวิตอยู่ต่อ)
อ่านต่อ:
