เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า คณะผู้สังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของอังกฤษ ในประเทศซีเรีย เปิดเผยว่า ในช่วงเพียง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีชาวซีเรียกว่า 10,000 คน อพยพหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากด้านตะวันออกของเมืองอเลปโป ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ในความควบคุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ภายหลังกองทัพซีเรีย นำโดยประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด บุกยึดพื้นที่ในควบคุมของฝ่ายต่อต้านได้เพิ่มอีก รวมเป็นกว่าร้อยละ 90 ของเมืองแล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 413 ราย และผู้อพยพพลัดถิ่นกว่า 130,000 คน หลังกองทัพซีเรียเปิดปฏิบัติการตั้งแต่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่การเจรจาหยุดยิงระหว่างนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังคงไม่มีวี่แววคืบหน้า

 

ด้านความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบในเมืองพัลไมรา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเมืองและวิหารโบราณพัลไมรา หลังกองกำลังนักรบของรัฐอิสลาม หรือไอเอส เปิดฉากจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ และแม้จะเผชิญกับการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงของกองทัพรัสเซีย แต่ล่าสุด ไอเอส สามารถยึดเมืองพัลไมราได้อีกครั้ง เนื่องจากกองทัพซีเรียถอนกำลังเพื่อไปสนับสนุนการยึดเมืองอเลปโปจากฝ่ายต่อต้าน ส่งผลให้บรรดานักโบราณคดีแสดงความกังวลต่อโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ถือเป็นมรดกโลก และยังหลงเหลือรอดจากการทุบทำลายของไอเอส เมื่อครั้งไอเอสยึดเมืองดังกล่าวครั้งแรก โดยรายงานดังกล่าวตรงกันกับ อัมมาร์ นิวส์ สื่อกระบอกเสียงของไอเอส ระบุว่า นักรบของไอเอสสามารถยึดเมืองพัลไมราได้แล้วทั้งหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน