นัดคิม ผู้นำโสมเหนือคนแรกไปกรุงโซล หลังปิดตายฐานยิงจรวด
นัดคิม – วันที่ 19 ก.ย. เอเอฟพี รายงานผลการหารือระหว่างผู้นำสองเกาหลีเพื่อติดตามความคืบหน้าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ว่า มีความคืบหน้าท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น นายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวหลังการหารือกับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่กรุงเปียงยาง ว่าสองชาติเห็นพ้องวิธีที่จะทำให้เป้าหมายการปลดอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ
เกาหลีเหนือตกลงที่จะปิดศูนย์ทงชังรี พื้นที่ทดสอบเครื่องยนต์และปล่อยขีปนาวุธอย่างถาวร และเตรียมอำนวยความสะดวกให้ผู้เชี่ยวชาญจากชาติที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
สำหรับการปิดศูนย์นิวเคลียร์ยองบยอน ที่เชื่อว่าเป็นศูนย์ผลิตสารที่ใช้ในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือยื่นเงื่อนไขว่า จะปิดก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือได้รับผลตอบแทน แต่นายคิมไม่เผยรายละเอียดว่าจะให้สหรัฐดำเนินมาตรการอะไรเป็นการตอบแทนดังกล่าว
ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี ผู้นำเกาหลีใต้เผยว่า ถ้าไม่มีสถานการณ์พิเศษ นายคิมจะเยือนกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ เป็นครั้งประวัติศาสตร์ ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหากเกิดขึ้นเมื่อใดจะเป็นการเยือนเกาหลีใต้ครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือนับตั้งแต่สองเกาหลีถูกแบ่งแยกในสงครามเกาหลีปี 2493-2496
นอกจากนี้ เกาหลีทั้งสองชาติจะสมัครชิงการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกค.ศ.2032 ร่วมกัน ส่วนเบื้องต้นนี้สองชาติร่วมลงนามข้อตกลงลดความตึงเครียดทางทหาร สร้างเขตกันชนตามพรมแดนเพื่อป้องกันการปะทะโดยอุบัติเหตุ และสานต่อโครงการให้ญาติสองฝั่งที่พลัดพรากหวนพบหน้ากันอีก
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตอย่างรวดเร็วแสดงความยินดีต่อผลการหารือว่า “คิม จองอึนตกลงที่จะอนุญาตให้มีการตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ สู่การเจรจาขั้นสุดท้าย และจะกำจัดศูนย์ทดสอบและปล่อยขีปนาวุธถาวร โดยมีผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเป็นพยาน ในขณะเดียวกันจะไม่มีจรวดหรือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ อีกทั้งศพวีรบุรุษสงครามของสหรัฐจะได้รับการส่งกลับบ้านสู่สหรัฐ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้แสดงความพยายามร่วมกันที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกปีค.ศ.2032 น่าตื่นเต้นอย่างมาก”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า สื่อกระบอกเสียงของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ โรดอง ชินมุน อุทิศให้ข่าวซัมมิตสองผู้นำเกาหลีเป็นปกหุ้มหนังสือพิมพ์ เล่นรูป 35 รูปใน 4 หน้าแรกของหนังสือพิมพ์ที่มีทั้งหมดจำนวน 6 หน้า โดยหน้า 1 มีรูปของสองผู้นำจับมือและสวมกอดกันและกันขณะเจอกันที่สนามบินนานาชาติเปียงยาง เมื่อวันอังคารที่ 18 ก.ย. เพื่อโปรโมตมิตรภาพอันอบอุ่น
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :