ปฏิรูปพญามังกรสะเทือนโลก ‘สี จิ้นผิง’ลั่น จีนจะไม่ยอมรับคำสั่งชาติอื่น
ปฏิรูปพญามังกรสะเทือนโลก – เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. เอเอฟพี รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ประกาศว่า ทางการจีนจะไม่มีวันยอมรับคำสั่งจากชาติอื่นใดต่อการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์และเปิดประเทศสู่ประชาคมโลก ท่ามกลางการขับเคี่ยวและต่อต้านอย่างรุนแรงจากสหรัฐอเมริกา ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและกองทัพอันดับหนึ่งของโลก
คำประกาศของผู้นำจีนมีขึ้นในการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ศาลาประชาคมกรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดีสียืนยันจะเดินหน้านโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจตามเป้าหมายยุทธศาสตร์การเป็นชาติมหาอำนาจโลก และจะคงระบอบการปกครองรวบอำนาจไว้ที่พรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียว
“ธงแห่งสังคมนิยมโบกสะบัดเหนือแผ่นดินจีนมาตลอด” และว่า “ความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นข้อได้เปรียบที่สุดในระบอบสังคมนิยมแบบจีน” ผู้นำจีนกล่าว
สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีมีขึ้นท่ามกลางการกระทบกระทั่งกันระหว่างจีนกับสหรัฐในทุกมิติและสู่การสงครามการค้าที่ทั้งสองฝ่ายเพิ่งตกลงสงบศึกชั่วคราวเพื่อเจรจาหาทางออกภายในเวลา 90 วัน ขณะที่การขยายแสนยานุภาพทางทหารของกองทัพจีนสร้างความกังวลให้กับกองทัพสหรัฐ และเพิ่มความตึงเครียดให้กับกรณีพิพาททะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก กับชาติพันธมิตรของสหรัฐ
ประธานาธิบดีสีกล่าวโดยไม่เอ่ยคำว่า สหรัฐอเมริกา แต่เป็นที่รู้กัน เมื่อยืนยันว่า ประเทศจีนไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศใดๆ แต่จะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างถูกบีบบังคับให้ทำตามคำสั่งของชาติอื่น
“ไม่มีใครหน้าไหนมีสิทธิมาสั่งชาวจีนว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ เราจะปฏิรูปในสิ่งที่ควรและทำได้ เราจะไม่เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ไม่ควรและทำไม่ได้” ประธานาธิบดีสีระบุ
ในโอกาสนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังมอบเหรียญเชิดชูเกียรติให้กับบรรดามหาเศรษฐีที่มีส่วนในการนำความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและชื่อเสียงมาสู่ชาติกว่า 100 คน รวมถึง นายแจ๊ก หม่า ผู้ก่อตั้งเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เจ้าแห่งวงการอีคอมเมิร์ซ, โพนี หม่า ซีอีโอบริษัท เทนเซนต์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอินเตอร์เน็ต และ เหยา หมิง อดีตนักบาสเก็ตบอล ผู้สร้างชื่อในอเมริกา
จีนกลายเป็นชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับสองของโลก แต่มีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก ขณะที่ประชากรยากจนของจีนเหลือเพียงร้อยละ 3.1 ลดลงจากร้อยละ 97.5 ในระยะเวลาเพียง 40 ปี จนชาติตะวันตกตะลึง