ตอบแทนน้ำใจช่วยชีวิต หนุ่มฝรั่งกลับมาช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านเจอภัยดินไหว
ตอบแทนน้ำใจช่วยชีวิต – เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ รายงานเรื่องราวของชายหนุ่มอเมริกัน ชื่อ ไรอัน เคลย์ตัน อายุ 37 ปี ผู้รอดชีวิตจากการลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลนาน 12 ชั่วโมง เพราะว่ายน้ำหลงทางใกล้้เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย กลับมาช่วยทำงานฟื้นฟูชุมชน ลอมบอก ในประเทศนี้ หลังประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว เมื่อเดือนสิงหาคม เพื่อตอบแทนน้ำใจชาวบ้านที่เคยช่วยชีวิตตนไว้
“ผมติดหนี้พวกเขามาก” นายเคลย์ตัน ผู้เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาการเมืองและเป็นนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองในสหรัฐ กล่าวถึงคนในหมู่บ้านนิปาห์
เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ นายเคลย์ตันว่ายน้ำเล่นอยู่ที่หาดกิลี ตราวันกัน ใกล้เกาะบาหลี แล้วหลงไปลอยเคว้งกลางทะเลนาน 12 ชั่วโมงจนคิดว่าตนเองคงตายแน่แล้ว กระทั่งมีชาวประมงคนหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่า ปูร์ มาช่วยไว้และพากลับเข้าฝั่ง ไปพักอยู่หมู่บ้านนิปาห์ ซึ่งมีประชากรกว่า 1,000 ครัวเรือน
“ผมอยู่ในอาการช็อก เขาดึงผมขึ้นมาจากทะเล ให้น้ำและเสื้อกับผม” เคลย์ตันเล่าถึงนาทีที่รอดตายมาได้
ตอนที่เขากลับไปยังหมู่บ้าน มีชาวบ้านรออยู่ 200 คน การกลับเข้าแผ่นดินอีกครั้ง และได้สัมผัสพื้นทราย ทำให้นึกไปว่าเกือบไม่มีโอกาสทำแบบนี้ได้อีกแล้ว
จากนั้นนายเคลย์ตันได้รับการดูแลอย่างดีจากครอบครัวของปูร์ 3 วัน ซาบซึ้งน้ำใจของผู้คน ราวกับเป็นแดนสวรรค์
“ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาในคืนแรก ผมถามตัวเองว่า นี่เราอยู่ในสวรรค์หรือเปล่า ทุกคนช่างมีน้ำใจเหลือเกิน” หนุ่มอเมริกันเล่า
ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่าเกาะลอมบ็อกประสบภัยแผ่นดินไหว วันที่ 5 ส.ค. จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 460 ราย นายเคลย์ตันเห็นว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนคนในหมู่บ้านนิปาห์ที่เคยช่วยชีวิตตนไว้
หลังจากเช็กข่าวจนรู้ว่าทุกคนปลอดภัย แต่บ้านเรือนในหมู่บ้านนิปาห์พังเสียหาย นายเคลย์ตัน ซึ่งเคยเคลื่อนไหวประท้วงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บางช่วงใช้เวลาถึง 16-17 ชั่วโมงต่อวัน จนรู้สึกว่า ถ้าขนาดต่อต้านประธานาธิบดียังทำได้ การเดินทางมาฟื้นฟูพื้นที่ในอินโดนีเซียก็ต้องทำได้เช่นกัน
ชายหนุ่มกลับมาพบว่าบ้านเรือนสีสวยงามนั้นพังราบเป็นหน้ากลอง เขาถ่ายคลิปและไประดมเงินบริจาคทางออนไลน์ ได้ 15,000 ดอลลาร์ หรือราว 495,000 บาทแล้วกลับมาช่วยฟื้นฟูพื้นที่ เงินดังกล่าวใช้ไปซื้อวัสดุมาสร้างบ้าน เช่น ไม้และเหล็ก ทำได้ทั้งหมด 63 หลัง
“ผมมาที่นี่ด้วยความตั้งใจจะเอาค้อนมาตอกตะปูสร้างบ้าน แต่พอมาถึงก็เห็นว่าเราต้องมีรถบรรทุกแล้วก็วัสดุก่อน หมู่บ้านนี้ไม่มีถนนหนทาง ดังนั้นงานก็เลยงอกออกมาว่า เราจะขนวัสดุก่อสร้างเข้ามาในหมู่บ้านอย่างไร” เคลย์ตันกล่าว
ต่อมามีกลุ่มโครงการช่วยเหลือชื่อ Just One Village เข้ามาช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านนิปาห์พร้อมกับเคลย์ตันแต่ชาวบ้านยังคงต้องรอคอยการสนับสนุนจากรัฐบาลตนเองด้วย ซึ่งดูแววแล้วน่าจะใช้เวลาอีกนาน
เคลย์ตันตั้งใจจะเขียนถึงประสบการณ์เปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งนี้ในปีหน้า แต่สำหรับหมู่บ้านนิปาห์แล้ว ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าอนาคตของชาวบ้านจะเป็นอย่างไรต่อไป
“มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าชื่นชมที่นี่ ชาวบ้านอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ พวกเขากินอาหารจากทะเลและต้นไม้ พวกเขาทำงานไม่มาก และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก พวกเขาเป็นประชาชนที่ผูกพันกัน ผมจะกลับมาที่นี่อีกตลอดชีวิตของผม ผมอยากจะพาครอบครัวและถ้ามีลูก ผมก็จะพาลูกมาด้วย ผมอยากให้พวกเขารู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่ในโลก”
…………..
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
