เอาไม่อยู่! โลกร้อนจัด ธารน้ำแข็งเทือกเขาหิมาลัยละลายแล้ว
เอาไม่อยู่! โลกร้อนจัดเทือกเขาหิมาลัยละลายแล้ว – วันที่ 6 ก.พ. ไชน่า พลัสรายงานว่า ธารน้ำแข็งบริเวณเทือกเขาหิมาลัยจะละลายหายไปหมดอย่างน้อยหนึ่งในสามภายในสิ้นศตวรรษนี้ เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หรือโลกร้อน ส่งผลให้กระทบต่อแหล่งน้ำจืดของประชากรโลกไม่ต่ำกว่า 1,900 ล้านคน โดยมนุษย์ไม่มีทางหยุดยั้งการละลายดังกล่าวได้อีกต่อไปแล้ว
ผลการศึกษาดังกล่าวดำเนินการโดยศูนย์นานาชาติเพื่อติดตามพัฒนาการของเทือกเขาฮินดู คุช หิมาลัย พบว่า หากการแก้ไขปัญหาของประชาคมโลกประสบความล้มเหลวไม่เป็นไปตามข้อตกลงปารีส จะยิ่งส่งผลเลวร้ายกว่านั้น คาดว่า น้ำแข็งกว่าสองในสามของเทือกเขาหิมาลัยจะละลายหายไปหมดสิ้นภายในค.ศ. 2100
ฟิลิปปัส เวสเตอร์ นักวิจัยจากศูนย์นานาชาติข้างต้น กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนกำลังจะทำให้เทือกเขาหิมาลัยกลายสภาพจากภูเขาน้ำแข็งเป็นเพียงภูผาโล้นๆ ที่ทอดตัวเหนือพื้นที่ประเทศถึง 8 ประเทศ ภายในเวลาไม่ถึงศตวรรษ
เทือกเขาหิมาลัยกินพื้นที่ทั้งหมด 8 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดีย เนปาล จีน ภูฏาน บังกลาเทศ และพม่า เป็นที่อยู่ของยอดเขาเอเวอร์เรสต์ที่สูงที่สุดในโลก และเป็นแหล่งน้ำจืดของแม่น้ำสายหลักหลายสาย
อาทิ อินดุส คงคา แยงซีเกียง อิรวดี และแม่น้ำโขง โดยผลการศึกษาพบว่า ผลกระทบในระยะแรกจากการละลายของน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยอาจนำไปสู่ภาวะน้ำล้นตลิ่ง ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นชั่วขณะ และมลพิษทางอากาศรุนแรงจากฝุ่นละอองที่เกาะอยู่เหนือน้ำแข็ง
นายซาลีมุล ฮัค ผู้อำนวยการศูนย์นานาชาติเพื่อการติดตามและศึกษาพัฒนาการสภาพอากาศในกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ กล่าวว่า ผลการศึกษาที่พบนั้นเป็นสัญญาณเตือนที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะกับบังกลาเทศซึ่งเป็นชาติกลางน้ำและปลายน้ำ พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศที่กำลังจะได้รับผลกระทบรีบเตรียมรับมือกับปัญหาอย่างเร่งด่วน
รายงานระบุว่า ต่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปตามข้อตกลงปารีส คือ การสกัดกั้นไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษที่ 21 เทือกเขาหิมาลัยจะยังสูญเสียน้ำแข็งไปกว่าหนึ่งในสาม และหากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส น้ำแข็งสองในสามบนเทือกเขาหิมาลัยจะละลายไปหมดสิ้น
ผู้สื่อข่าวระบุว่า ความคืบหน้ากระบวนการสืบเนื่องจากข้อตกลงปารีส ล่าสุด เพิ่งตกลงกันได้ถึงกฎเกณฑ์ส่วนใหญ่ในการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ยังเหลือกฎเกณฑ์บางข้อที่ตกลงกันไม่ได้ และมีกำหนดจะประชุมเพื่อตกลงกันในปีนี้
ขณะที่ชาติมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซโลกร้อนแบบยอดรวมสูงสุดนั้น ยังคงอยู่ในสถานะถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ตามดำริของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
ที่เคยกล่าวหาว่า โลกร้อนนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง และเป็นเรื่องที่ทางการจีนสร้างขึ้นเพื่อทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐ สร้างความตกตะลึงให้ประชาคมโลก