สาวอเมริกันแปรพักตร์ ย้ำแค้นสหรัฐVSอิหร่าน – ปูตินชิลๆ เปิดประชุมอีกโต๊ะ
สาวอเมริกันแปรพักตร์ – เอพี รายงานว่า อัยการสหรัฐอเมริกาแถลงตั้งข้อหา น.ส.โมนิกา เอลฟรีเด วิตต์ อายุ 39 ปี อดีตผู้เชี่ยวชาญการข่าวกรอง แห่งกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งต่อมาแปรพักตร์ไปอยู่อิหร่าน ประเทศคู่อริของอเมริกา ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลราชการแก่รัฐบาลอิหร่าน รวมถึงชื่อและภารกิจลับ ในโครงการของกระทรวงกลาโหม หรือ เพนตากอน
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังกล่าวหา น.ส.วิตต์ทรยศเพื่อนร่วมงานในแวดวงข่าวกรองสหรัฐ ด้วยการส่งมอบรายละเอียดชีวิตและการงานของบุคลากรในฝ่ายของตนแก่รัฐบาลอิหร่าน ดังปรากฏว่ามีแฮกเกอร์ 4 รายที่เขื่อมโยงถึงรัฐบาลอิหร่าน เข้ามาเจาะข้อมูลเจ้าหน้าที่สหรัฐ หญิงสาวรายนี้จึงต้องถูกฟ้องในข้อหาใช้ข้อมูลปองร้ายเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางออนไลน์ด้วย
น.ส.วิตต์แปรพักตร์หลังเข้าร่วมการประชุมของอิหร่าน และปรากฏในคลิปวิดีโอต่อต้านชาวอเมริกัน ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 ปี หญิงสาวถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจับตาและเตือนถึงความเคลื่อนไหวมาแล้ว แต่หญิงสาวยืนยันว่าจะไม่เผยแพร่ข้อมูลล่อแหลมของฝ่ายสหรัฐให้อิหร่าน ตอนนั้นเอฟบีไอจึงไม่ได้จับกุม
“โมนิกา วิตต์ ฉวยโอกาสรุกเข้ามาบั่นทอนสหรัฐอเมริกา และสนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ประเทศที่เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติของเรา” เจย์ แท็บบ์ รองผู้อำนวยการบริหารเอฟบีไอ กล่าว
ทางการสหรัฐเชื่อว่า น.ส.วิตต์ยังคงอยู่ในอิหร่าน เช่นเดียวกับแฮกเกอร์ทั้ง 4 รายที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเป็นกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ซึ่งสหรัฐขึ้นบัญชีเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย
การตั้งข้อกล่าวหาต่อหญิงอเมริกันผู้แปรพักตร์ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่อิหร่านจัดงานฉลองครบรอบ 40 ปีการปฏิวัติของประเทศ พร้อมกับที่สหรัฐส่งนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศไปร่วมประชุมความมั่นคงตะวันออกกลาง ที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ พร้อมประกาศเคียงข้างนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอลว่า มีเพียงการเผชิญหน้ากับอิหร่านเท่านั้น จะช่วยนำมาซึ่งสันติภาพในตะวันออกกลาง
“คุณจะไม่มีทางได้สันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง หากไม่เผชิญหน้ากับอิหร่าน มันเป็นไปไม่ได้เลย” นายพอมเพโอ กล่าว
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดบ้านต้อนรับผู้นำตุรกีและผู้นำอิหร่านเข้าประชุมสถานการณ์ซีเรีย
นายปูติน นายเรเจ็ป ไตยิป เอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี และนายฮัสซัน เราฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ออกแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมว่า การที่สหรัฐเตรียมถอนทหารออกจากซีเรียนั้นเป็นก้าวย่างในด้านบวกต่อสถานการณ์ และจะช่วยสร้างเสถียรภาพในกับภูมิภาคนั้น
ในงานเดียวกันนี้ นายเราฮานียังประกาศจะล้างแค้นผู้ก่อการวางระเบิดพลีชีพสังหารทหารอิหร่าน 27 นาย เมื่อวันที่ 13 ก.พ. พร้อมกล่าวหาว่าสหรัฐและอิสราเอลคือผู้สนับสนุนการก่อการร้าย