โผล่มาอีกคน หนูผิดไปแล้ว! สาวมะกันหนีร่วมไอเอสวอนขอกลับบ้าน

โผล่มาอีกคน หนูผิดไปแล้ว! – วันที่ 18 ก.พ. เดลีเมล์รายงานว่า หญิงสาวชาวอเมริกันวัย 20 ปี ซึ่งอยู่อาศัยภายในค่ายพักพิงชั่วคราวในประเทศซีเรีย อ้อนวอนต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ตนเดินทางกลับบ้านในรัฐอลาบามา หลังหนีออกบ้านตั้งแต่ปี 2557 มาร่วมกับกองกำลังนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอส


หญิงสาวคนดังกล่าวทราบชื่อว่า นางโฮดา มูธานา อายุ 24 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองฮูเวอร์ รัฐอลาบามา เคยเผยแพร่คลิปวิดีโอเรียกร้องให้ชาวมุสลิม “ก่อเหตุนองเลือด” ในวันทหารผ่านศึกของสหรัฐ

โดยนางมูธานาเคยแต่งงานกับนักรบไอเอสแล้วถึง 3 ราย เสียชีวิตทั้งหมด รวมทั้งสูญเสียลูกไปอีก 2 คน ระบุว่า ตนถูกล้างสมองและการเดินทางมาซีเรียนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์

นางมูธานา หนีออกจากสหรัฐเมื่อตอนอายุ 19 ปี เดินทางมายังเมืองอัล-ร็อกเกาะฮ์ ที่ไอเอสอ้างว่าเป็นเมืองหลวงในซีเรีย แต่งงานกับนักรบไอเอสที่เป็นชาวออสเตรเลีย

ต่อมาเสียชีวิต จึงแต่งงานกับนักรบไอเอสชาวตูนีเซีย แต่ก็เสียชีวิตอีก ล่าสุด แต่งงานกับนักรบชาวซีเรีย โดยตลอดเวลาที่นางมูธานาอยู่กับไอเอสนั้นใช้สื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นช่องทางสร้างความเกลียดชังต่อสหรัฐ

“ท่านมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากยามที่ท่านอยู่ภายใต้อำนาจของศัตรูของพวกเรา เลิกนอนหลับนิ่งเฉยได้แล้ว!” และว่า “จงไปที่ร้านอาหารไดร์ฟ-บาย แล้วเอาเลือดหัวของพวกมันออกมา ไม่ก็ไปเช่ารถบรรทุกมาแล้วขับเหยียบพวกมันให้หมด ทหารผ่านศึกเอย พวกรักชาติเอย ขบวนพาเหรดวันทหารผ่านศึก ฆ่าพวกมันให้หมด” มูธานา ระบุในปี 2558

สำหรับชะตากรรมล่าสุดนั้น นางมูธานา ต้องอยู่อาศัยอย่างแร้นแค้นในค่ายพักพิง อัล-ฮอล ทางภาคเหนือของซีเรีย ห่างไปจากเมืองเบกุซราว 320 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของไอเอสที่กำลังถูกปิดล้อมและเตรียมเข้ากวาดล้างโดยกองกำลังภาคพื้นดินชาวเคิร์ดและแสนยานุภาพทางอากาศจากนานาชาติ

มูธานา ให้สัมภาษณ์กับเดอะ การ์เดี้ยน สื่อท้องถิ่นของอังกฤษ ว่าตนรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจเดินทางออกมาจากสหรัฐมาก เพราะตอนนั้นเชื่อว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อศาสนา แต่ตอนนี้ตระหนักแล้วว่าตนเข้าใจผิดไปอย่างมหันต์ด้วยความที่ยังอายุน้อยมากในตอนนั้น

นอกจากนี้ มูธานา ยังแสดงความกังวลถึงอนาคตและสวัสดิภาพของลูกชายคนเดียวที่ยังเหลืออยู่จากสามีคนที่สองซึ่งเป็นนักรบไอเอส

พร้อมวิงวอนขอให้ครอบครัวและรัฐบาลสหรัฐยกโทษให้ โดยระบุว่า เชื่อว่าสหรัฐเป็นชาติที่ให้โอกาสผู้คนแก้ไขตัวเอง ขณะที่พ่อแม่ของนางมูธานา อ้างว่า ลูกของตนถูกไอเอสล้างสมอง

“ฉันอยากกลับบ้าน แล้วจะไม่กลับมาที่ตะวันออกกลางอีก จะยึดพาสปอร์ตไปเลยก็ได้ ฉันยอมทุกอย่างเลย” มูธานาวิงวอน

รายงานระบุว่า มูธานา เป็นเพียงหนึ่งในชาวต่างชาติหลายพันคนที่เดินทางไปร่วมกับไอเอส และปรากฎตัวอยู่ในค่ายอพยพอัล-ฮอล ท่ามกลางพลเรือนกว่า 25,000 คน ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังที่มั่นสุดท้ายของไอเอสถูกปิดล้อมและกำลังโดนกวาดล้าง ทั้งยังเกิดขึ้นต่อจากกรณีของนางชามิมา บีกัม ชาวอังกฤษ อายุ 19 ปี ที่หนีออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 15 ปี พร้อมเพื่อนสาวอีก 2 คน ล่าสุด ยังไม่ทราบชะตากรรม

โดยนางบีกัม กลายเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลกหลังถูกพบโดยผู้สื่อข่าวของไทมส์ และวิงวอนให้รัฐบาลอังกฤษพาตนที่กำลังท้องแก่กลับบ้าน

คำวิงวอนของนางบีกัมก่อให้เกิดการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนไปทั่วโลก แต่ล่าสุด นางบีกัมคลอดลูกแล้วในค่ายอพยพ โดยครอบครัวและฝ่ายที่ต้องการให้นางบีกัมกลับมานั้นมองว่า

ควรให้โอกาสนางบีกัม และเด็กทารกเป็นผู้บริสุทธิ์ ขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วยนั้นหวั่นเกรงความปลอดภัยของสังคมจากบุคคลที่เคยไปร่วมกับไอเอสมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน