ชาวบ้านเวเนฯรุดชายแดน รอขนย้ายเสบียง แม้เกิดเหตุปะทะทหารดับ
ชาวบ้านเวเนฯรุดชายแดน – วันที่ 23 ก.พ. เอเอฟพี รายงานว่า ชาวเวเนซุเอลาที่ประสบความเดือดร้อนขาดแคลนอาหารและยาจากวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงของประเทศ ปะทะกับทหารที่ปิดพรมแดนเวเนซุเอลาฝั่งติดกับประเทศบราซิล ไม่ยอมให้สิ่งของบรรเทาทุกข์จากสหรัฐเข้าประเทศ จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นคู่สามี ภรรยา ชนพื้นเมืองชาวเปมอน และบาดเจ็บอย่างน้อย 15 คน
#Soldados #venezolanos lanzan #gaslacrimógeno a manifestantes cerca de frontera con #Brasil. Cortesía de Iván de Jesús Yáñez pic.twitter.com/Plrcs4Xb8i
— Reuters Latam (@ReutersLatam) 23 กุมภาพันธ์ 2562
พยานเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 22 ก.พ. ทหารเปิดฉากยิงกลุ่มคนพยายามขวางถนนที่หวังไม่ให้รถทหารผ่าน
ต่อมาวันที่ 23 ก.พ. ยังมีประชาชนตั้งกลุ่มเตรียมเข้าร่วมกับแกนนำฝ่ายค้านเพื่อขนถ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์และเสบียงจากนานาชาติเข้าประเทศ แม้ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตจากคำสั่งของประธานาธิบดี นิโกลาส มาดูโร
ตำรวจตรึงกำลังชายแดนที่สะพานติเอนดิตาส อินเตอร์เนชั่นแนล ในเวเนซุเอลา ฝั่งตรงข้ามโคลัมเบีย (AP Photo/Rodrigo Abd)
พรรคฝ่ายค้านประกาศขอความช่วยเหลือจากประชาชนให้มาขนย้ายสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากขบวนรถบรรทุกกว่า 200 เมตริกตัน ส่วนใหญ่ขนมาจากสหรัฐอเมริกามารออยู่ที่พรมแดนฝั่งประเทศโคลัมเบีย มีรถบรรทุกคัรหนึ่งมาถึงแล้ว และเจอบททดสอบว่า ทหารที่ยืนประจำการอยู่จะยอมให้เข้าแดนหรือไม่
“เราคิดว่าน่าจะเข้ามาได้ เพราะมีประชาชนมากมายเหลือเกินที่แนวพรมแดน มาจากหลายเมืองทั่วประเทศ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขวางชาวบ้าน” นายเดวิด สโมลันสกี หัวหน้าฝ่ายค้านกล่าว
ด้านนายฆวน กวยโด ผู้นำรักษาการที่สหรัฐและยุโรปให้การรับรอง ไปปรากฏตัวที่คอนเสิร์ตระดมความช่วยเหลือชาวเวเนฯ ที่ฝั่งประเทศโคลัมเบีย กล่าวว่า มีทหารส่วนหนึ่งช่วยตนให้ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศของนายมาดูโรได้
นายกวยโดไปร่วมงานคอนเสิร์ตช่วยเหลือชาวเวเนฯ ฝั่งโคลัมเบีย (AP Photo/Fernando Vergara)
ขณะที่น.ส.เดลซี รอดริเกวซ รองประธานาธิบดีเวเนฯ ทวีตว่า รัฐบาลสั่งปิดสะพานเชื่อมฝั่งโคลัมเบียในรัฐตาชีราทั้งหมดลงชั่วคราว เนื่องจากภัยคุกคามที่ผิดกฎหมายร้ายแรง
ทั้งนี้ ด้วยวิกฤตเงินเฟ้อรุนแรงทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานราคาสูงลิ่ว ชาวเวเนฯ แทบไม่สามารถซื้อสินค้าปัจจัยสี่ในประเทศได้ ส่งผลให้ราว 2.7 ล้านคนหนีสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงไปประเทศเพื่อนบ้านนับตั้งแต่ปี 2558
