ฟื้นปาฏิหาริย์! คนตัวเย็นแข็งทื่อ หมอช่วยชีวิต กระตุกไฟฟ้า 5,000 โวลต์

ฟื้นปาฏิหาริย์!เช้ามืดวันที่ 22 เม.ย. ที่โรงพยาบาลคลินิกในดินแดนครัสโนยาร์กสค์ เขตไซบีเรียของรัสเซีย ทีมแพทย์ฉุกเฉิน 3 คน ช่วยให้ผู้ป่วยหมดสติจากภาวะตัวเย็นเกินขั้นรุนแรงที่โอกาสรอดเหลือน้อยเต็มทีกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

พนักงานรปภ.ของโรงงานพบผู้ป่วยคนดังกล่าวนอนบนพื้นหิมะเย็นจัด จึงแจ้งรถฉุกเฉินรุดนำส่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล แพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยตัวแข็ง เกล็ดหิมะบนหน้าไม่ละลาย จับชีพจรไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ

“เป็นไปได้ว่า ผู้ป่วยอาจเผลอหลับขณะมึนเมา แต่ทีมแพทย์ไม่รู้สึกกลิ่นแอลกอฮอล์เลย นอกจากนี้ ผู้ป่วยในภาวะวิกฤตเกือบทุกคนจะมีปัสสาวะออกมาเอง แต่ปัสสาวะของผู้ป่วยคนนี้เป็นน้ำแข็งในกางเกงและแค่มีกลิ่นของหิมะธรรมดา” นพ.ดมีตรี มิตซูคอฟ แพทย์กู้ชีพ กล่าว

ขณะที่ พญ.อีรีนา รืมชา เผยว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดว่าผู้ป่วยจะรอด “แต่แน่นอนสำหรับผู้ป่วยเราต้องทำทุกวิถีทาง”

ทีมแพทย์สวมเครื่องช่วยหายใจแก่ผู้ป่วย เจาะเส้นเลือดดำ ฉีดยา และใช้เครื่องเป่าลมร้อน แต่เวลา 8 นาฬิกา ทันทีที่อุณหภูมิร่างกายผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทีมแพทย์จึงคาดว่า เลือดที่คั่งจากส่วนปลายไหลผ่านหัวใจ และอัตราการเต้นของหัวใจนั้นล้มเหลว เส้นใยกล้ามเนื้อหัวใจสั่นและหดตัวอย่างไม่เป็นจังหวะในภาวะที่หัวใจสั่นพลิ้ว ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้

“เราเริ่มการกู้ชีพด้วยการนวดหัวใจและเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า จากนั้นเชิญ นพ.ดมีตรี คริฟคอฟ แพทย์กู้ชีพอีกคนมาช่วยเพิ่ม เนื่องจากแพทย์กู้ชีพเพียงคนเดียวไม่สามารถรับมือกับการกู้ชีพเป็นเวลายาวนานได้” นพ.ดมีตรี มิตซูคอฟ กล่าว

หากผู้ป่วยถูกช็อกไฟฟ้าจากเครื่องกระตุกหัวใจด้วยกระแสไฟฟ้า 5,000 โวลต์ ผู้ป่วยสามารถเสียชีวิตคาที่ได้ และไม่สามารถใช้เครื่องกระตุกหัวใจกัผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว เนื่องจากการช็อกไฟฟ้าด้วยการกระแสไฟฟ้ามหาศาลจะได้ผลต่อเมื่อหัวใจสั่นและใกล้หยุดเต้นเท่านั้น กล่าวคือ กระแสไฟฟ้าไม่สามารถทำให้หัวใจหยุดเต้นไปแล้วกลับมามีชีพจรอีกครั้งได้ แต่จะทำให้ระบบการทำงานของหัวใจ อวัยวะกล้ามเนื้อสำคัญที่สุด รวนได้

“เราทราบว่า สำหรับผู้ป่วยภาวะตัวเย็นขั้นรุนแรง ไม่สามารถกู้ชีพแบบทั่วไปได้ เราทำงานอย่างต่อเนื่องกว่า 30 นาที แต่ไม่พบอัตราการเต้นของหัวใจผู้ป่วย เวลาเข้าสู่ชั่วโมงที่ 2 แต่เราไม่สามารถถอยได้แล้ว ประการแรก ทีมแพทย์ต้องสู้เพื่อผู้ป่วยจนนาทีสุดท้าย และประการที่ 2 ผลการตรวจของผู้ป่วยยังมีความหวังที่จะได้ผลลัพธ์น่าพอใจ” นพ.มิตซูคอฟกล่าว

ทีมแพทย์ทำงานราว 2 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยได้รับกระแสไฟฟ้าจากเครื่องกระตุกหัวใจ 24 ครั้ง แต่ละครั้งกระแสไฟฟ้ามากถึง 360 จูล

“ช่วงการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น แต่เรายังไม่เชื่อว่า หัวใจของผู้ป่วยตัวแข็งทื่อกลับมาเต้นอีกครั้งได้ และทันทีเมื่อช่วงการปล่อยกระไฟฟ้าจากเครื่องกระตุกหัวใจห่างเพิ่มเป็น 5 นาที ความเหลือเชื่อก็กลายเป็นความจริง” นพ.คริฟคอฟกล่าว

และเมื่อการกู้ชีพผ่านไป 120 นาที หัวใจของผู้ป่วยเริ่มมีจังหวะการเต้นเพิ่มขึ้น จาก 40 ครั้งต่อนาที เป็น 70 ครั้งต่อนาที ขณะที่ผิวหนังกลับมาเป็นสีชมพู อุณหภูมิร่างกายอุ่นขึ้น และภาวะพ้นขีดอันตราย

แต่ไม่ทราบว่าสามารถรักษาสมองได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก ไม่มีการเคลื่อนไหว และม่านตาไม่ขยาย อย่างไรก็ดี 1 วันผ่านไป ผู้ป่วยพูดได้ และอีกวันถัดมา อ่านบทกลอนแก่ทีมแพทย์ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตตนด้วย

ผู้ป่วยรอดจากความตายรายนี้ คือ นายวลาดีมีร์ ยาคอฟเลฟวิช เกิดเมื่อปี 2507 เป็นคนงานในเขตก่อสร้าง เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ดื่มเหล้าเข้าไป แต่เผลอหลับบนพื้นเย็นจัดและหลับไม่รู้เรื่องไปเลย ขณะนี้เจ้าตัวออกจากโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 29 เม.ย. หลังแพทย์ระบุว่าอาการของผู้ป่วยเป็นที่น่าพอใจ

เรื่องราวของการช่วยชีวิตผู้ป่วยในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างของการรักษาชีวิตมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า แพทย์ต้องสู้เพื่อชีวิตของผู้ป่วยจนนาทีสุดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน