เคบิวตี้ หมดมนต์ขลังตลาดจีน ? จับกระแสสวยบล็อกเกาหลีเริ่มแผ่ว
เคบิวตี้ – วันที่ 17 มิ.ย. เว็บไซต์ เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ รายงานถึงการตั้งข้อสังเกตการลดความนิยมเครื่องสำอางเกาหลีในหมู่ชาวจีน ว่า กำลังเปลี่ยนไปและมีแนวโน้มลดความนิยมลงหรือไม่ เนื่องจากการส่งออกเครื่องสำอางเกาหลีไปตลาดจีนลดลง
รวมถึงยอดขายรวมลดลงเพราะพฤติกรรมชาวจีนทิ้งความงามแบบ เค-บิวตี้ แบบเกาหลี “ทุกคนเหมาะกับแม่พิมพ์” หันมาชื่นชมความงามแบบท้องถิ่น หรือความงามของเฉพาะตัวบุคคลนั้นๆ แทน จนทำให้เครื่องสำอางของจีน หรือ ซี-บิวตี้ และจากญี่ปุ่นเติบโตขึ้นแทน
ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้ว เครื่องสำอางเกาหลีหรือเคบิวตี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ตัวอย่าง ลิปสติกที่นางเอก ช็อน จีฮยอน (จวนจีฮุน) ใช้ในซีรีส์ดังอย่าง My Love From The Star หรือ ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว ปี 2557 ปรากฏบนหน้าจอไม่นาน ก็ขายหมดแทบจะในทันที
เนื่องจากแฟนชาวจีนได้รับอิทธิพลการตลาดที่มีความรู้ความเข้าใจและติวเตอร์ด้านการแต่งหน้าและครีมบำรุงผิวจนฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ส่งให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเกาหลีเติบโตจนมูลค่าการขายถึง 13,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 4 แสนล้านบาทในปี 2561
กระแสคลั่งไคล้วัฒนธรรมเกาหลีในจีน ไม่ว่า นักร้องเกาหลีหรือเคป๊อป แฟชั่นเกาหลี ละครเกาหลีนั้น อุตสาหกรรมความงามเกาหลีในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสเกาหลีเป็นผู้นำเทรนด์ไลฟ์สไตล์กระแสหลักในจีนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันถึงช่วงขาลง
ผู้บริโภคในจีน ซึ่งเป็นตลาดความงามอันดับสองของโลกคาดว่ามีมูลค่า 62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.9 ล้านล้านบาทภายในปี 2020 นั้น กำลังมองหาความสวยในแบบท้องถิ่นของจีนเอง อย่างทวิตเตอร์มีภาพจับสังเกตสาวหมวยนิยมแต่งชุดฮั่นฝู หรือชุดสาวชาวฮั่นในอดีต
Nowadays there’re more Chinese girls wear traditional Hanfu out in public. American China watchers often describe Hanfu movement as Han supremacist out to spread Lebensraum, it’s actually just mostly girls wanting to wear pretty dress pic.twitter.com/ucMDNuCnm6
— Carl Zha (@CarlZha) 12 มีนาคม 2562
ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 การส่งออกเครื่องสำอางเกาหลีไปจีนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 20 หรือราว 1.3 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 4 หมื่นล้านบาท ลดลงอย่างมากจากยอดเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 66 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีไม่เพียงเสียส่วนแบ่งการตลาดให้คู่แข่งในภูมิภาค แต่ยอดขายภายในประเทศเกาหลีเองยังตกต่ำลงด้วย ทำให้เกิดคำถามว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของเคบิ้วตี้และอิทธิพลที่ครั้งหนึ่งเคยมีต่อผู้บริโภคชาวจีนหรือไม่
ปีที่แล้ว กลุ่มบริษัทอมอร์แปซิฟิก ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีและเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์เครื่องสำอางตัวท็อป 33 แบรนด์ มีกำไรลดลงเป็นครั้งแรก โดยกำไรสุทธิไตรมาสแรกร่วงลง 33 เปอร์เซนต์ เหลือ 122,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3.8 ล้านล้านบาท จาก 177,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 5.5 ล้านล้านบาท
มูลค่ายอดขายรวมของเครื่องสำอางในเกาหลีลดลงด้วยเช่นกันถึงร้อยละ 15 เมื่อปีที่แล้ว สาเหตุจากการลดลงของการท่องเที่ยว ผลกระทบจากปัจจัยความตึงเครียดทางการเมืองกรณีที่สหรัฐติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูง หรือ ทาดในเกาหลีใต้ ซึ่งจีนคัดค้านจนนำไปสู่จีนสั่งห้ามการท่องเที่ยวและการส่งออกเชิงวัฒนธรรมเกาหลีระหว่างปี 2559-2561
“ปีนี้จะเป็นปีที่รุนแรงอย่างมากสำหรับเคบิวตี้ในแง่ของการส่งออก” นายไมก์ ซอน ซองมิน นักวิจัยผู้ช่วยสถาบันอุตสาหกรรมความงามเกาหลีในเกาหลีใต้กล่าวและว่า การส่งออกเคบิวตี้กำลังเติบโตลดลงเป็นครั้งแรก
“แบรนด์จีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคและกระแสท้องถิ่น เคบิวตี้ไม่สนุกอีกแล้วเพราะเป็นเทรนด์มาอย่างยาวนาน หลังการห้ามเครื่องสำอางเกาหลีในจีน ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภค ชาวจีนไม่นึกถึงเราอีกต่อไปแล้ว จำนวนมากกลายเป็นต้านแบรนด์เรา ขณะที่แบรนด์จีนอย่าง Herborist, Inoherb and Kans ได้รับความนิยมเทียบเท่าแบรนด์ดังระดับโลกอย่างลอรีอัล จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” ซองมินกล่าว
ด้านญี่ปุ่น บรรยากาศการเผชิญหน้ากับจีนเงียบไป ส่งผลให้ญี่ปุ่นได้รับนักท่องเที่ยวจากจีนเมื่อปี 2561 สูงขึ้น 15% และสินค้าความงามญี่ปุ่น หรือ เจ-บิวตี้ ก็เพิ่มตามด้วย
อย่าง ชิเซโด้ แบรนด์ใหญ่ของญี่ปุ่นมีกำไรพุ่งถึง 34.7% ในจำนวนนี้มาจากการเพิ่มยอดตาย 8.9% ด้วยมูลค่า 9,700 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ขายได้ในจีนถึง 17.4% สูงจากปี 2560 ที่อยู่ 14.4%