ทนหิวโหยไม่ไหว ด.ช.10ขวบหนีออกจากบ้าน ถูกพ่อกักขัง-โซ่ล่ามคอ
ทนหิวโหยไม่ไหว – วันที่ 22 ก.ค. ไลฟ์ รายงานว่า เด็กชายวัย 10 ขวบ หนีออกจากบ้าน ในสภาพถูกล่ามโซ่ที่คอ ตอนไม่มีใครอยู่ มาขอความช่วยเหลือจากร้านของชำในละแวก เนื่องจากทนความหิวโหยไม่ไหว ที่หมู่บ้านเบลีโคเวชโนเย ดินแดนครัสโนดาร์ ทางใต้ของรัสเซีย
จากกล้องวงจรปิดในร้านของชำ ด.ช.ตีฮอนในสภาพถูกล่ามโซ่ล็อกกุญแจที่คอใช้เวลาเดินดูอาหารบนชั้นวางแต่ละแถวนานมาก หยิบอาหารและวางกลับที่เดิมอย่างลังเล จากนั้นพนักงานร้านเดินเข้ามาหาเด็กและพาไปที่แคชเชียร์
พนักงานร้านเริ่มถามว่า ด.ช.ตีฮอนมาจากไหน เด็กตอบว่าหนีออกมาจากเพิกเก็บของในบ้าน และมาที่นี่เพราะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว และขอร้องไม่ให้พนักงานร้านบอกพ่อว่า เด็กหนีมาที่นี่เพื่อไม่ต้องการถูกล่ามโซ่อีกครั้ง พนักงานร้านตกใจจึงโทร.แจ้งตำรวจ
แหล่งข่าวระบุว่า ด.ช.ตีฮอนเล่าว่า อยู่บ้านไม่ได้กินอาหาร ได้กินเฉพาะตอนไปโรงเรียน ส่วนพ่อใช้ท่อเหล็กอ่อนงอดัดได้ตีเพื่อลงโทษ เลี้ยงลูกอย่างโหดร้ายด้วยการล่ามโซ่เป็นครั้งคราวมาเป็นปีแล้ว จากห้องใต้ดิน มาเพิงเก็บของ ใส่กุญแจมือ และปล่อยให้ลูกไตร่ตรองการกระทำของตัวเอง ซึ่งเด็กเองไม่ได้บอกทางโรงเรียน
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ครอบครัวของด.ช.ตีฮอนเป็นครอบครัวมั่งคั่ง แต่คนอื่นไม่ค่อยรู้ข้อมูลมากนัก ขณะที่นายวาเลนตินลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเมืองเบโลเรเชนสก์ ดินแดนครัสโนดาร์ หลายครั้ง แต่สอบตก ทั้งนี้ นายวาเลนตินมีธุรกิจในเมืองดังกล่าวด้วย
พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีระหว่างเขตเบโลเรเชนสค์ คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียประจำดินแดนครัสโนดาร์ ยื่นฟ้องนายวาเลนติน อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวลูกชายวัย 10 ขวบ อย่างผิดกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายวาเลนตินปฏิเสธความผิดทั้งหมด โดยอ้างว่า ลูกชายโกหก และล่ามโซ่ล็อกกุญแจตัวเอง
การสอบสวนระบุว่า เมื่อ 18 ก.ค. นายวาเลนตินนำด.ช.ตีฮอน ลูกชายวัย 10 ขวบ ไปกักขังในเพิงเก็บของที่ตั้งอยู่ในลานบ้าน และล่ามโซ่รอบคอ โดยปลายโซ่คล้องกับขาไม้ชั้นวางของและล็อกด้วยกุญแจ
นายวาเลนตินปล่อยด.ช.ตีฮอนในเพิกเก็บของ และรีบพาภรรยาท้อง ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของด.ช.ตีฮอน และลูกชายอีกคนวัย 4 ขวบ ไปโรงพยาบาล เนื่องจากภรรยาใกล้คลอดลูก ด.ช.ตีฮอนจึงอาศัยจังหวะที่พ่อและแม่เลี้ยงไม่อยู่บ้าน พังขาไม้ชั้นวางที่ล่ามโซ่ และหนีออกมาได้ในที่สุด
ขณะนี้ด.ช.ตีฮอนอยู่ในศูนย์ฟื้นฟู ซึ่งเข้ารับการพูดคุยกับนักจิตวิทยาและพนักงานสอบสวน และหน่วยงานกำกับดูแลกำลังเข้าไปตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่และการเลี้ยงดูเด็กของครอบครัวเด็กแล้ว
