โรงแรมวันสิ้นโลกเกาหลีเหนือ ริว-กยอง สร้างมา 32 ปี วันนี้ก็ยังไม่เปิด
โรงแรมวันสิ้นโลกเกาหลีเหนือ – ซีเอ็นเอ็น รายงานเรื่องราวเจาะลึกอาคารรูปลักษณ์เหมือนพีรามิดสูงเสียดฟ้า ใจกลางกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ อาคารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เมื่อปี 2530 แต่คนภายนอกดินแดนลึกลับแห่งนี้อาจยังไม่เคยเห็น แม้ว่าปีนี้จะจัดแสดงแสงสีทาบที่ตัวตึกมาเป็นระยะ เพราะอาคารยังไม่เปิดใช้บริการ !?
การก่อสร้างอาคารนี้ถึงจุดที่สูงที่สุดในปี 2535 แต่ยังไม่มีหน้าต่างและเป็นคอนกรีตเปลือยเป็นเวลา 16 ปี ทำให้ได้รับฉายาว่า “โรงแรมวันสิ้นโลก”
อาคารดังกล่าวออกแบบให้เป็นโรงแรมชื่อว่า “ริว–กยอง” แปลว่า “นครแห่งต้นหลิว” ซึ่งเคยใช้เป็นชื่อเมืองหลวงของเกาหลีเหนือมาก่อน มีความสูงประมาณ 300 เมตร ประกอบด้วยห้องพักอย่างน้อย 3,000 ห้อง ภัตตาคารชมทิวทัศน์ได้รอบด้าน 5 แห่ง
เมื่อการก่อสร้างเดินหน้าต่อ จนถึงขั้นหุ้มด้วยโลหะและกระจก พร้อมติดตั้งไฟแอลอีดีสาดแสงสีสันต่างๆ ยามราตรี แต่โรงแรมนี้ก็ยังไม่เปิดให้บริการเสียที จึงได้ขึ้นแท่นเป็น “โรงแรมที่สูงที่สุดในโลกที่ยังไม่มีคนเข้าพัก”
โรงแรมริว–กยอง เป็นผลงานที่เกิดจากการแข่งขันกันในยุคสงครามเย็น ระหว่างเกาหลีใต้ที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง กับเกาหลีเหนือที่มีค่ายโซเวียตเป็นพันธมิตร
เนื่องจากปีก่อนหน้าที่เกาหลีเหนือจะเริ่มก่อสร้างโรงแรมนี้ บริษัทของเกาหลีใต้สร้างโรงแรมที่สูงที่สุด คือ เวสติน สแตมฟอร์ด ในสิงคโปร์ และเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2531
ขณะที่เกาหลีเหนือไม่น้อยหน้า จัดเทศกาลยุวชนและนักศึกษาโลกในปี 2532 ซึ่งเป็นการแข่งขันโอลิมปิกในโลกสังคมนิยม รัฐบาลเกาหลีเหนือสั่งให้สร้างโรงแรมขนาดใหญ่สำหรับรองรับงานนี้และเพื่อช่วงชิงสถิติโลกมาจากเกาหลีใต้ให้ได้
แต่เกาหลีเหนือไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะประสบปัญหาการก่อสร้างจนเสร็จไม่ทันเทศกาลแข่งขันกีฬา ประกอบกับรัฐบาลต้องผันงบประมาณหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ ขยายสนามบินในกรุงเปียงยางและตัดถนนหลายสาย
เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ความช่วยเหลือต่างๆ ก็ขาดหายไป รวมทั้ง การลงทุนมายังเกาหลีเหนือ ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจถาโถมให้เกาหลีเหนือย่ำแย่หนักขึ้นไปอีก แม้ว่าโครงสร้างภายนอกเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2535
อาคารริว–กยอง มี 3 ปีก แต่ละปีกเอียง 75 องศาโดยมาบรรจบกับที่ชั้น 15 ซึ่งเป็นส่วนของภัตตาคารและดาดฟ้าชมวิว
คาลวิน ฉั่ว สถาปนิกที่มีสำนักงานในสิงคโปร์และเคยทำงานในเกาหลีเหนือบอกว่าเกาหลีเหนือไม่รู้จักการก่อสร้างด้วยวัสดุล้ำหน้า โครงสร้างส่วนใหญ่สร้างจากคอนกรีตมากกว่าเหล็กและออกแบบให้เรียวขึ้นข้างบนเพราะต้องการให้ชั้นสูงๆ น้ำหนักเบากว่าชั้นล่าง
“หากมองย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามเกาหลี จะเห็นว่าอาคารส่วนใหญ่ในเกาหลีเหนือสร้างด้วยคอนกรีตและใช้เทคโนโลยีจากโซเวียตหรืือประเทศคอมมิวนิสต์อื่นๆ ซึ่งล้วนแต่สร้างอาคารด้วยคอนกรีตทั้งสิ้น” คาลวินกล่าว และว่าโรงแรมริว–กยอง น่าจะได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนภูเขา ไม่ใช่พีรามิด เพราะภูเขาเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาวเกาหลีเหนือ
เช่น อัตชีวประวัติของคิม จองอิล บิดาของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ระบุว่าเขาเกิดในค่ายทหารลับบนภูเขาเพ็กตู ภูเขาที่สูงที่สุดในเกาหลีเหนือ (แม้ว่านักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า คิม จองอิล เกิดในรัสเซียก็ตาม)
หลังจากยุติการก่อสร้างนานถึง 16 ปี จึงได้สานต่ออีกครั้งในปี 2551 โดยกลุ่มธุรกิจออราสคอม ของอียิปต์ ที่ได้สัญญาวางเครือข่าย 3G ในเกาหลีเหนือมาเดินหน้าก่อสร้าง โดยใช้วิศวกรชาวอียิปต์ ทั้งติดตั้งกระจกและแผ่นโลหะเข้ากับโครงสร้างคอนกรีต มูลค่า 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,544 ล้านบาท จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ในปี 2554 แต่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ
ต่อมา ปลายปี 2555 กลุ่มโรงแรมหรูสัญชาติเยอรมัน เคมพินสกี ประกาศว่าจะเปิดให้บริการเป็นบางส่วนในกลางปี
แต่ถึงปี 2556 เมื่อเลยกำหนดก็ยังไม่เปิดให้บริการเสียที ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูว่าโครงสร้างอาคารไม่มั่นคงเนื่องจากใช้เทคนิคการก่อสร้างและวัสดุแบบเก่า ซึ่งเกาหลีเหนือเคยเกิดเหตุอพาร์ตเมนต์ 23 ชั้นถล่มเมื่อปี 2557 เนื่องจากปัญหาโครงสร้างมาแล้ว
คาลวินมองว่าแม้ดูจากภายนอก อาจเห็นว่าอาคารมั่นคง แต่ภายในอาจเป็นคนละเรื่องกันเลย พร้อมทั้งชี้ว่าปัญหาที่แท้จริงอาจอยู่ที่ขั้นตอนสุดท้ายเพราะเทคนิคการสร้างจากคอนกรีตเป็นอุปสรรคต่อการติดตั้งอุปกรณ์การให้บริการต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศ รวมทั้ง การระบายลมซึ่งใช้เทคนิคที่ต้องย้อนกลับไป 30 กว่าปีก่อน ทั้งที่หากเป็นโครงสร้างเหล็กจะทำให้การติดตั้งระบบเหล่านี้ง่ายขึ้นมาก
ส่วนภาพที่เผยให้เห็นภายในโรงแรมเมื่อปี 2555 ถ่ายโดยไซมอน คอเคอเรลล์ ผู้จัดการทั่วไปจากกลุ่มกอร์โย บริษัทนำเที่ยวของจีนที่เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ ทำให้เห็นว่างานก่อสร้างภายในโรงแรมมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผนังยังเป็นปูนซีเมนต์ ส่วนลิฟต์ก็เป็นลิฟต์ขนของรุ่นเก่า
ในที่สุด ปี 2561 ริว–กยอง กลับมามีชีวิตชีวาด้วยสีสันแพรวพราวจากไฟแอลอีดีที่สาดส่องด้านนอกอาคารเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์และคำขวัญการเมืองเกาหลีเหนือ ส่วนสูงสุดทรงสามเหลี่ยมของอาคารแสดงเป็นรูปธงชาติเกาหลีเหนือ
ขณะที่ด้านหน้าโรงแรมติดป้ายชื่อ “โรงแรมริว–กยอง” เป็นภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ และอนุญาตให้ประชาชนเดินเข้าไปถึงด้านหน้าโรงแรมได้ แต่ห้ามเข้าภายใน
“โรงแรมจะเปิดไหม ?” จึงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เพราะอาคารกรุกระจกทั้งหมดทำให้ไม่สามารถมองทะลุกระจกเข้าไปเห็นสภาพภายในได้
แม้ ริว–กยอง ยังเป็นอาคารที่สูงที่สุดในเกาหลีเหนือ 330 เมตร แต่ไม่ได้เป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดบนคาบสมุทรเกาหลีีอีกต่อไป เพราะอาคารล็อตเต เวิลด์ ในกรุงโซล ครองสถิตินี้ไปเมื่อปี 2560 ด้วยความสูง 555 เมตร