เมื่อวันที่ 9 เม.ย. เอเอฟพีรายงานว่ากองบัญชาการทหารภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐ มีคำสั่งให้ส่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินโจมตีคาร์ล วินสัน สไตรก์ กรุ๊ป รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน จากสิงคโปร์ ไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลีเพื่อแสดงแสนยานุภาพและสร้างความหวาดหวั่นให้กับเกาหลีเหนือ แทนแผนการเดิมที่จะส่งไปประจำการที่ท่าเรือออสเตรเลียแล้ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการพบปะระหว่างสองผู้นำชาติมหาอำนาจ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดบ้านต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจากจีน เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน และเกิดขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐพร้อมจะจัดการเกาหลีเหนือด้วยตนเอง

FILE – F18 fighter jets on the deck of the USS Carl Vinson (AP Photo)

สำหรับเรือคาร์ล วินสัน สไตรก์ กรุ๊ป เป็นกองเรือที่ประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินรบและเรือรบอื่นๆ มุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก

“ภัยคุกคามหมายเลขหนึ่งของภูมิภาคนี้ยังคงเป็นเกาหลีเหนือ เนื่องจากมีลักษณะเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ และยังมีโครงการทดสอบขีปนาวุธและศักยภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์ที่สั่นคลอนความมั่นคง” เดฟ เบนแฮม โฆษกกองบัญชาการทัพสหรัฐประจำภูมิภาคแปซิฟิกกล่าว

FILE – the USS Carl Vinson (Jo Jung-ho/Yonhap via AP, File)

เมื่อวันพุธที่ 5 เม.ย. เกาหลีเหนือภายใต้การปกครองของผู้นำสูงสุด คิม จองอึน เพิ่งทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่ลงทะเลญี่ปุ่น ซึ่งถูกมองว่าเจตนาข่มขู่การพบกันของนายทรัมป์และผู้นำจีน

(Jo Jung-ho/Yonhap via AP, File)

นอกจากนี้ยังเชื่อได้ว่า เกาหลีเหนือจับตาท่าทีของสหรัฐกรณียิงโทมาฮอว์กถล่มซีเรียด้วย เมื่อมีแถลงการณ์ประณามว่าสิ่งที่สหรัฐทำกับซีเรีย เป็นการกระทำการก้าวร้าวต่อชาติที่มีอธิปไตย การโจมตีของสหรัฐเป็นเพียงการอวดแสนยานุภาพ ดังนั้นเกาหลีเหนือตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเพิ่มศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน