ตื่นคลิปค่ายกักกันมุสลิมอุยกูร์โผล่! โกนหัว ปิดตา มัดมือไพล่หลัง
ตื่นคลิปค่ายกักกันมุสลิมอุยกูร์โผล่! – วันที่ 24 ก.ย. อินดิเพนเดนท์รายงานว่า เกิดกระแสประณามจากประชาคมโลก กรณีมีบุคคลลึกลับเผยแพร่คลิปทางโลกออนไลน์ เผยให้เห็นสภาพภายในค่ายที่คาดว่า เป็นค่ายกักกันชาวมุสลิมอุยกูร์ ที่มณฑลซินเกียง-อุยกูร์ ประเทศจีน
ล่าสุด องค์กรทางด้านสิทธิมนุษยชนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบคลิปดังกล่าว ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ และยูทูบ ภายใต้ชื่อว่า Xinjiang: A New Explanation (ซินเกียง: คำอธิบายใหม่) ท่ามกลางเสียงโจมตีจากชาติตะวันตก กรณีทางการจีนจับกุมชาวมุสลิมอุยกูร์กว่าล้านคนเพื่อนำตัวไปเข้าค่าย
คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นเด็กหนุ่มจำนวนมากถูกผ้ามัดปิดตา ศีรษะมีสภาพถูกโกนผมจนหมด และถูกจับมัดมือไพล่หลัง สวมชุดสีม่วงเหมือนกันหมด โดยมีเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบสีดำจำนวนมากคอยควบคุมในสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง
โฆษกสำนักงานกิจการต่างประเทศและเครือจักรภพอังกฤษ กล่าวว่า คลิปดังกล่าวน่าวิตกมาก เพราะมีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิมอุยกูร์ในจีน โดยบรรดารัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษเคยกล่าวแสดงความกังวลต่อทางการจีนแล้ว
นอกจากนี้ ทางการอังกฤษยังเคยนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในเวทีคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติด้วย โดยคาดว่า คลิปนี้น่าจะถ่ายจากโดรนที่บินอยู่เหนือบนริเวณดังกล่าว
ด้านนายเคนเน็ธ ร็อธ ผู้อำนวยการองค์การฮิวแมน ไรต์ ว็อตช์ ระบุว่า สิ่งที่คลิปนี้เปิดเผยให้เห็นนั้นแตกต่างจากคำกล่าวอ้างของจีน ที่ระบุว่า เป็นเพียงแค่ค่ายอบรมพัฒนาฝีมือที่ไม่มีอันตรายใดๆ ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า คลิปอาจถ่ายไว้เมื่อต้นปี 2562
เช่นเดียวกันกับนายเนธาน รูเซอร์ นักวิจัยจากศูนย์นโยบายไซเบอร์สากลและนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของออสเตรเลีย กล่าวว่า คลิปน่าจะถ่ายไว้เมื่อเดือนส.ค. 2561 โดยนางมาริส เพยน์ รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า รัฐบาลออสเตรเลียรับทราบถึงคลิปดังกล่าวแล้ว
คลิปดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้การของชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เคยถูกจับตัวไปเข้าค่ายกักกันดังกล่าว โดยระบุว่า ถูกช็อตไฟฟ้า ทุบตี และบังคับให่รับประทานเนื้อหมู เรียนระบอบการเมืองการปกครองตามแบบของจีน และร้องเพลงทางการเมืองด้วย
ขณะที่ทางการจีนเคยชี้แจงถึงค่ายดังกล่าวว่า มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านแนวคิดสุดโต่ง พร้อมเรียกร้องให้บรรดาชาติที่ให้ที่พักพิงแก่ชาวมุสลิมอุยกูร์ที่หลบหนีไปนั้นส่งตัวกลับมาให้จีน โดยทางสหประชาชาติ และหน่วยงานสิทธิมนุษยชนไม่เชื่อ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาที่เรียกร้องให้ชาติอื่นต่อต้านข้อเรียกร้องของจีน
