อินโดนีเซียไม่ปิดแล้ว เกาะมังกรโคโมโด เก็บค่าเข้าปีละ 3 หมื่น
อินโดนีเซียไม่ปิดแล้ว – วันที่ 1 ต.ค. บีบีซี รายงานว่า เกาะโคโมโด ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของ มังกรโคโมโด จะไม่ปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนในปี 2563 ตามคำประกาศของรัฐบาลท้องถิ่นแล้ว แต่จะใช้ ระบบการเป็นสมาชิก สำหรับผู้มาเยือนเกาะแห่งนี้แทน
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและรัฐบาลท้องถิ่นของเกาะโคโมโคตกลงที่จะไม่ปิดเกาะโคโมโด และจะใช้ระบบการเป็นสมาชิก ราคาปีละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (30,660 บาท) ขณะที่นายวิกเตอร์ ไลส์โคดัต ผู้ว่าการเกาะโคโมโด กล่าวว่า ราคาดังกล่าวไม่แพง
ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจะจ่ายเงินราว 10 ดอลลาร์ (30 บาท) เพื่อเข้าเกาะ
เมื่อเดือนก.ค.62 รัฐบาลท้องถิ่นของเกาะโคโมโคประกาศปิดเกาะแห่งนี้ตั้งแต่เดือนม.ค.63 เพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวส่งผลกระทบต่อการผสมพันธุ์และฟักไข่เพิ่มจำนวนประชากร เป็นความพยายามในการอนุรักษ์เพื่อปกป้องมังกรโคโมโด และจะเปิดอีกครั้งอีก 1 ปีหลังจากนั้น แต่ยกเลิกไป เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางพิเศษที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
ส่วนผู้อยู่อาศัย 2,000 คน บนเกาะโคโมโด ซึ่งในตอนแรกจะถูกย้ายออกไปเป็นเวลา 1 ปี ตอนนี้จะได้รับอนุญาตอาศัยอยู่ต่อไป
สำนักข่าวอันตาราของอินโดนีเซียรายงานว่า จะมีการเป็นสมาชิก 2 ระดับ ได้แก่ สมาชิกพรีเมียม จะได้รับอนุญาตเยือนเกาะโคโมโด และ สมาชิกไม่ใช่พรีเมียม จะสามารถเยือนเกาะอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติโคโมโด ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของมังกรโคโมโดเช่นกัน
นายมาริอุส เจลามู โฆษกผู้ว่าการเกาะโคโดโด บอกว่า จะจำกัดการเติบโตของชุมชนบนเกาะแห่งนี้ เพื่อให้หมู่บ้านไม่มีขนาดใหญ่เกินไปจนคุกคามความพยายามในการอนุรักษ์มังกรโคโมโด โดยจะมีโปรแกรมการศึกษาเพิ่มเติมในหมู่บ้านเพื่อแน่ใจว่า ชุมชนจะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการอนุรักษ์อย่างเต็มที่ และจะมีระเบียบข้อบังคับการเดินเรือสำราญอย่างเข้มงวดขึ้น
ทั้งนี้ มังกรโคโมโดเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลำตัวสามารถยาวได้ถึง 3 เมตร มีฟันคมเหมือนมีดโกนและรอยกัดเป็นพิษ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเกาะโคโมโด ราว 1,700 ตัว และราว 1,000 ตัว อาศัยอยู่บนเกาะรินคา ในอุทยานแห่งชาติโคโมโด ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
สำหรับยอดนักท่องเที่ยวเกาะโคโมโด เมื่อปี 2561 อยู่ที่ 176,000 คน เยือนเกาะโคโมโด เพิ่มเป็น 4 เท่า จาก 44,000 คน เมื่อปี 2551 หรือ 10 ปีก่อน
