ตะลึง!โคโรนากลายพันธุ์ – วันที่ 4 มี.ค. เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีนทำการวิจัยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อโรคโควิด-19 พบว่า ไวรัสดังกล่าวมีวิวัฒนาการออกเป็น 2 ชนิด แต่ละชนิดมีอัตราการการแพร่ระบาดและการกระจายในภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ ชนิดแอล และชนิดเอส โดยชนิดแอลเป็นชนิดร้ายแรงกว่าและแพร่ระบาดเร็วกว่า ผู้ป่วยร้อยละ 70 ติดชนิดแอล

South Korean soldiers wearing protective gear spray disinfectant in Seoul as part of preventive measures against the coronavirus. Photo: AFP

ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารเนชั่นแนล ไซแอนซ์ รีวิว (National Science Review) เมื่อวันอังคาร คณะนักวิทยาศาสตร์ทำการวิเคราะห์ยีนตัวอย่างไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า SARS-CoV-2 ก่อโรคโควิด-19 จำนวน 103 ตัวอย่าง แยกออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอส หรือ S type เป็นชนิดที่แรกเริ่มติดจากคนสู่คนปลายเดือนธ.ค.2562 ที่เมืองอู่ฮั่น จากนั้นจึงแยกเป็นชนิดแอล หรือ L type เริ่มระบาดต้นเดือนม.ค.2563 และทำให้ชนิดเอสกลายเป็นเชื้อธรรมดา

 

ขณะที่ปริมาณไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั้งสองชนิดเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดของทางการจีนด้วยการปิดเมืองอู่ฮั่น ทำให้การแพร่ระบาดของไวรัส ชนิดแอลลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจต่อวิวัฒนาการและการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์นี้ต่อไป

วันเดียวกัน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 สามารถแพร่ระบาดผ่านละอองของอุจจาระและปัสสาวะได้ นอกจากการแพร่ระบาดทางละอองทางเดินหายใจ (Respiratory droplets) และการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ที่เป็นรูปแบบการแพร่ระบาดหลัก หลังผลการวิจัยพบร่องรอยไวรัสดังกล่าวในตัวอย่างอุจจาระของผู้ป่วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน