นอนคว่ำต่อท่อช่วยหายใจ หมออิตาลีพ้อม็อบล็อคดาวน์ โควิด-19

นอนคว่ำต่อท่อช่วยหายใจ – วันที่ 10 มี.ค. เมียร์เรอร์รายงานชะตากรรมของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ในห้องไอซียู ประเทศอิตาลี อยู่ในสภาพนอนคว่ำและต่อท่อเครื่องช่วยหายใจ ท่ามกลางแพทย์และพยาบาลในชุดป้องกันคอยดูแลใกล้ชิด

ภาพดังกล่าวแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ หลังประเทศอิตาลี กลายเป็นชาติพื้นที่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) แหล่งใหญ่ที่สุดนอกจีน แซงหน้าเกาหลีใต้ไปด้วยยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด 9,172 คน เสียชีวิตแล้ว 463 ราย หายป่วย 724 คน จนรัฐบาลสั่งล็อคดาวน์ทั่วประเทศ

คำสั่งดังกล่าวมีผลให้ชาวอิตาลีทั้งหมดต้องเก็บตัวอยู่ภายในที่อยู่อาศัยยกเว้นมีเหตุฉุกเฉินต้องเดินทางจนถึงวันที่ 3 เม.ย. ขณะที่การกิจกรรมที่มีการชุมนุมและการแข่งขันกีฬาทั้งหมดถูกระงับ สร้างความเดือดดาลให้กับชาวอิตาลีบางส่วนที่ก่อเหตุประท้วง และเชื่อว่าโควิด-19 เป็นเพียงหวัดทั่วไป

นอนคว่ำต่อท่อช่วยหายใจ

นายฟรังซัวส์ บัลลู จากศูนย์พันธุกรรมมหาวิทาลัยกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในภาคเหนือของอิตาลีที่ถูกสั่งล็อคดาวน์ไปก่อนหน้านี้ เป็นสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับที่กำลังเกิดขึ้นในอังกฤษ แต่ยังไม่มีการแพร่ระบาดถึงขั้นในอิตาลี

“มีความเป็นไปได้ที่มาตรการล็อคดาวน์แบบในอิตาลีจะถูกนำมาใช้ในอังกฤษ หากทางการไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในอิตาลีควรเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องสำเหนียกได้แล้วว่า อังกฤษอาจกลายเป็นแบบอิตาลีได้ภายในเวลาไม่กี่วัน” บัลลู เตือน

นายแพทย์เดนีลี มัชชีนี จากโรงพยาบาลฮิวแมนนิตัส กาวาซเซนี เมืองเบอร์กาโม ทางเหนือของนครมิลาน กล่าวยืนยันว่า โควิด-19 นั้นไม่เหมือนโรคหวัดธรรมดาทั่วไป โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเหมือนกับสงคราม และทุกคนบนโลกจำเป็นต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ดังนี้

นอนคว่ำต่อท่อช่วยหายใจ

“หลังจากใคร่ครวญอยู่นานกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน ก็คิดได้ว่าขืนเงียบต่อไปท่าจะไม่ดี ผมจะบอกให้ฟังว่าชีวิตของพวกเราในเมืองเบอร์กาโมท่ามกลางการระบาดทั่วโลกของโรคโควิด-19 เป็นยังไง ผมเข้าใจดีว่าการสร้างความตื่นตระหนกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ผมกลัวยิ่งกว่า คือ การที่คนซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น”

“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เห็นการจัดระเบียบห้องต่างๆ ในโรงพยาบาล ตอนนั้นศัตรูของเรายังอยู่ในเงามืด ห้องพักผู้ป่วยที่ว่างตรึม เครื่องไม้เครื่องมือถูกเอาไปเก็บ ห้องไอซียูถูกเคลียร์เพื่อให้มีที่ว่างมากที่สุดในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีมาหรือไม่ เยอะแค่ไหน”

“ความรู้สึกตอนนั้น คือ รู้สึกโหวงๆ ข้างในครับ เพราะโรงพยาบาลมันโล่งไปหมด รอสงครามที่ยังมาไม่ถึง แล้วก็พวกผมทุกคนคาดไม่ถึงว่าเมื่อมันมาถึงแล้วจะหนักหน่วงรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้น”

นอนคว่ำต่อท่อช่วยหายใจ

“ตอนช่วงเริ่มแรก ผมจำได้ว่ารอผลตรวจผู้ป่วยรายแรกของผมอย่างกังวลใจ เรียกว่าแทบจะนั่งไม่ติดแล้วก็เครียดมากอย่างไม่มีเหตุผล แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ บอกเลยว่ารุนแรงมากจริงๆ”

“สงครามที่ปะทุขึ้นนั้นไม่มีการว่างเว้นทั้งวันทั้งคืน ห้องว่างที่โรงพยาบาลเตรียมไว้เต็มไปด้วยผู้ป่วยใหม่ที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว รายชื่อของผู้ป่วยบนบอร์ด ป้ายสีระดับความร้ายแรงของผู้ป่วยเต็มไปด้วยสีแดง แทนที่จะมีการรักษา แต่กลับท่วมไปด้วยผลตรวจที่เหมือนเดิมทุกครั้ง คือ การอักเสบในผนังถุงลมของปอดทั้งสองข้าง (bilateral interstitial pneumonia)”

“ใครก็ได้บอกผมหน่อยเถอะ ว่าไวรัสหวัดบ้าบออะไรที่มันทำร้ายคนได้รวดเร็วขนาดนี้ คนพวกนี้ยังเฝ้าแต่อวดคนอื่นว่าไม่กลัว แล้วก็ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์ ออกมาประท้วงกันเพราะว่าชีวิตประจำวันไม่ได้รับความสะดวกสบาย คุณรู้มั้ยว่ามันกำลังเกิดภัยพิบัติโรคระบาดอยู่”

“มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว หมอผ่าตัด หมอทางเดินปัสสาวะ หมอกระดูกออโธฯ บลาๆๆ หมอคือหมอ ที่ต้องรวมกันเป็นทีมเดียวในการต่อสู้กับคลื่นยักษ์สึนามิที่กำลังถาโถมเข้ามาหาเรา”

“จำนวนผู้ป่วยของเราเพิ่มขึ้นวันละ 15-20 คน เหมือนกันทุกคน ผลตรวจไวรัสจากการสว็อบในคอเป็น บวก บวก บวก ห้องฉุกเฉินมีผู้ป่วยเยอะจนรับมือไม่ไหว ผู้ป่วยที่เข้ามาอาการเหมือนกันหมด มีไข้สูง หายใจลำบาก มีไข้สูง ไอแห้งๆ ระบบหายใจล้มเหลว ขณะที่ผลตรวจรังสีที่ปอดก็เหมือนกันหมด คือการอักเสบในผนังถุงลมของปอดทั้งสองข้าง ทุกคนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล”

“ผู้ป่วยที่ได้เครื่องช่วยหายใจทันก็ถูกพาไอซียู แต่บางคนก็ช่วยไม่ทัน เครื่องช่วยหายใจจู่ๆ มีค่ายังกับทองคำ ห้องผ่าตัดต้องถูกดัดแปลงเป็นไอซียู หมอและพยาบาล เจ้าหน้าที่การแพทย์ทุกคนเหนื่อยล้าจนใจแทบขาด”

“ผมเห็นความเหนื่อยล้าในสายตาของพวกเขา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงไหน เราก็ยังคงร่วมแรงร่วมใจกัน เราจะเดินเข้าไปหาเพื่อนของเราแล้วถามว่ามีอะไรให้เราพอช่วยได้บ้าง”

“หมอที่ต้องลงมาอาสาเข็นเตียงผู้ป่วย หรือแม้กระทั่งหามผู้ป่วย ให้การรักษาแทนพยาบาล หรือพยาบาลที่กำลังร้องไห้เพราะเราทราบดีว่าเราไม่สามารถช่วยได้ครบทุกคน”

“มันไม่มีอีกแล้ว เข้ากะออกกะ ไม่มีการนับชั่วโมงทำงาน ไม่มีสังคม ไม่มีการได้เจอกับครอบครัว เพราะเรากลัวว่าจะเอาโรคไปติดเขา และพวกเราบางคนก็ติดโรคที่ว่านี้แล้ว แม้จะปฏิบัติตามไกด์ไลน์อย่างเคร่งครัดก็ตาม”

“หมอบางคนเอาโรคไปติดคนที่เค้ารัก บางคนกำลังดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอด ผมขอให้พวกคุณช่วยใจเย็นๆ กันหน่อยเถอะ ที่ต้องอดไปดูหนัง ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ หรือไปออกกำลังที่ยิม เห็นแก่ชีวิตของคนอื่นที่เค้าอายุมาก และคุณอาจเป็นคนที่ฆ่าเค้าทางอ้อมบ้าง”

“พวกเราพยายามทำตัวให้มีประโยชน์แล้ว พวกคุณก็ควรทำด้วย หมอและพยาบาล มีอิทธิพลต่อความเป็นความตายของคนหลายคน แต่พวกคุณข้างนอกนั้นมีอิทธิพลต่อความเป็นความตายของคนจำนวนมากยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก โปรดแชร์ครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน