อัฟกานิสถานนองเลือด – เมื่อ 25 มี.ค. เอเอฟพี รายงานว่า เกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายบุกเข้าไปภายในวัดซิกข์ที่กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งใช้เป็นศาสนสถานสำหรับผู้นับถือศาสนาซิกข์ ส่งผลให้เกิดการยิงปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอย่างดุเดือด และมีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 1 ราย ต่อมา กองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ออกมาอ้างอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี
ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตรอบด้านของประเทศ ตั้งแต่การลดความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ทางตันทางการเมือง การก่อการร้าย และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19
นายตารีก เอเรียน โฆษกกระทรวงกิจการภายใน กล่าวว่า เหตุโจมตีวัดซิกข์ เกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 07.45 น. มีผู้คนติดอยู่ภายในจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ทหารช่วยเหลือพลเรือนส่วนใหญ่ออกมา ส่วนผู้ก่อเหตุถูกสังหาร 2 คน ขณะที่กลุ่มตาลิบันออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ
แหล่งข่าวระบุว่า มีศาสนิกชนอยู่ในอารามดังกล่าวประมาณ 150 คนตอนเกิดเหตุ เป็นกลุ่มที่เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงเช้าตรู่ ส่วนใหญ่พยายามหาที่หลบซ่อนและปิดโทรศัพท์มือถือ
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยังมีข้อมูลไม่ตรงกัน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอัฟกานิสถาน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 1 ราย และอีก 15 คน บาดเจ็บ คาดว่าจำนวนจะสูงขึ้นอีก
Photos show security forces transferring victims of the attack at Dharamshala, a Sikh worship area in PD1 of #Kabul. #Afghanistan pic.twitter.com/NDyCvmWnH9
— TOLOnews (@TOLOnews) March 25, 2020
ส่วน นายนาเรนเดอร์ สิงห์ ส.ส.ชาวซิกข์ บอกว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ส่วนศาสนิกชนที่อยู่ในภายในวัดมีมากถึง 200 คน ก่อนเกิดเหตุ มือปืนติดระเบิดฆ่าตัวตาย 3 คน ใช้อาวุธกราดยิงธรรมศาลาที่เต็มไปด้วยศาสนิกชน
ทั้งนี้ กองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอเอส มักก่อเหตุโจมตีกลุ่มผู้นับถือศาสนาอื่น โดยเคยก่อเหตุโจมตีชาวฮินดูและชาวซิกข์ที่เมืองจาลาลาบัด เมื่อเดือนก.ค. 2561 มีผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 21 คน ขณะที่ชาวฮินดูและซิกข์เป็นกลุ่มคนชายขอบในอัฟกานิสถาน มีประมาณ 1,000 คน