ไม่น่าเชื่อ ชาวญี่ปุ่นหลายคนโลว์เทค มองข้ามทำงานที่บ้าน
ไม่น่าเชื่อ ชาวญี่ปุ่นหลายคนโลว์เทค – เอพี โดยผู้สื่อข่าว ยูริ คาเงะยามะ รายงานถึงการปรับตัวของชาวญี่ปุ่นในช่วงที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และต้องทำงานอยู่ที่บ้าน ปรากฏว่าคนจำนวนมาก ไม่มีอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการทำงาน และต้องแห่ไปซื้อที่ร้านกันใหม่ แม้ว่าภาพของญี่ปุ่นในสายตาชาวโลก จะเป็นประเทศยอดไฮเทค ประดิษฐ์หุ่นยนต์ เครื่องออกกำลังกาย และแกดเจ็ตชั้นนำ
มาถึงสถานการณ์โควิดครั้งนี้ นับว่าเป็นช่วงความท้าทายทางเทคโนโลยีสำหรับชาวญี่ปุ่นหลายคนทีเดียว ขณะผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทญี่ปุ่น
ทุกวันนี้สำนักงานแห่งต่างๆ พึ่งพาแฟ็กซ์ แทนที่จะเป็นอีเมล์ อีกทั้งตามบ้านพักของชาวญี่ปุ่นก็มีเครื่องแฟ็กซ์ถึง 1 ใน 3 ของครัวเรือนทั้งหมด หลายบริษัทจึงยืนกรานว่าจะรับเอกสารทางแฟกซ์
นอกจากนี้ ตามบ้านเรือนหลายหลังขาดการเชื่อมต่อไฮสปีด อินเตอร์เน็ต ส่วนเอกสารของสำนักงานจะต้องประทับตรายางเสมอ เหมือนเป็นลายเซ็น ดังนั้นถึงอย่างไรแล้ว คนญี่ปุ่นทำงานแบบระยะไกลไม่ได้ตลอดเวลา
จากการสำรวจของ YouGov บริษัทวิจัยตลาดของอังกฤษ พบว่ามีเพียงร้อยละ 18 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจในญี่ปุ่น ที่หลีกเลี่ยงการเดินทางไปโรงเรียนหรือไปทำงานได้ ทั้งที่ร้อยละ 80 ของคนญี่ปุ่นกลัวติดเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อเทียบกับอินเดีย เกือบร้อยละ 70 อยู่บ้าน และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 30 อยู่บ้าน
ยูริ ทาซาวะ ผู้บุกเบิกการทำงานจากบ้าน กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่งมาจากคนทำงานญี่ปุ่นไม่ได้ตีความงานแบบชาวอเมริกัน ดังนั้นบรรดาบริษัทต่างๆ คาดว่าให้พนักงานติดต่อสื่อสาร ทำงานกันเป็นทีม
“แต่ตอนนี้การต่อสู้กับโควิด มันเป็นเรื่องความเป็นความตายสำหรับคนทำงานและครอบครัว จำเป็นต้องทำให้ได้เลยตอนนี้” ทาซาวะ กล่าว พร้อมนำเสนอคอร์สเร่งด่วนทางออนไลน์ที่สอนให้ทำงานที่บ้านได้ทันที เพียงแค่อาศัยโทรศัพท์มือถือ
ทาซาวะเสนอการใช้แอพฯ ซูมสำหรับการเชื่อมเสียง ทำให้เหมือนว่ายังอยู่ในช่วงเวลาทำงาน ที่พนักงานทำปกติในออฟฟิศ
ทุกวันนี้บริษัทที่ให้พนักงานทำงานอยู่บ้านแล้ว ได้แก่ โตโยตา มอเตอร์ คอร์ป โซนี่ คอร์ป แต่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่ครองสัดส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ร้อยละ 70 ยังไม่ได้ทำแบบนั้นหมด
นิโคลัส เบนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจที่เสนอบริการการประชุมทางออนไลน์ฟรีให้ชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ความสนใจนี้อยู่ในระดับต่ำอย่างน่าประหลาดใจ การขาดระบบไอทีสะท้อนว่า ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีความยืดหยุ่นในหลักปฏิบัติการทำงาน การจัดการ หรือแม้แต่ทัศนคติต่อการทำงานจากระยะไกล ปัจจัยหนึ่งเกี่ยวข้องกับผลผลิตทางแรงงานต่ำ
“การทำงานทางไกลต้องการความเชื่อใจจากผู้จัดการ และปล่อยให้พนักงานตัดสินใจมากขึ้น เนื่องจากต้องอาศัยเวลามากทีเดียว หากจะต้องมาตรวจสอบอีเมล์หรือสไกป์กับหัวหน้างาน แต่บริษัทของญี่ปุ่นยังยึดติดกับการต่อต่อสื่อสารแบบเห็นกันตัวต่อตัว” เบนส์กล่าว
ขณะนี้ญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว 13,385 คน ในจำนวนนี้เป็นคนบนเรือสำราญไดมอนด์ พรินเซส ที่มาเทียบท่าที่เมืองโยโกฮามา 712 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 364 ราย
…………
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
โควิด:ญี่ปุ่นวุ่นหนัก เชื้อระบาดระลอกใหม่ ร.พ.เอาไม่อยู่ ปัดรับคนไข้