แฉแผนการศึกใหญ่จีน! เทควอร์6ปี ชิงมงผู้นำเทคโนโลยีโลกจากสหรัฐ

แฉแผนการศึกใหญ่จีน! เทควอร์6ปี – วันที่ 21 พ.ค. เซาท์ ไชนา มอร์นิง โพสต์รายงานว่า ทางการจีนกำลังเดินหน้าช่วงชิงความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินมหาศาล และนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่จำนวนออกมาใช้ก่อนตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ไปจนถึงเทคโนโลยีการสื่อสารยุคที่ห้า หรือ 5จี

แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้รับการผลักดันโดยตรงจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ผ่านการลงทุนด้วยเม็ดเงินถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 44 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 ผ่านเอกชนยักษ์ใหญ่หลายรายของจีน

การลงทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการคิดค้นพัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีล้ำยุคหลายอย่าง อาทิ เครือข่ายการสื่อสาร 5จี และการติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์สอดแนมทั่วประเทศ ซอฟต์แวร์ด้านเอไอที่มีความก้าวหน้าสูงกว่าสหรัฐ โรงงานอุตสาหกรรมที่อาศัยหุ่นยนต์ทั้งหมด และระบบขับเคลื่อนยวดยานพาหนะอัตโนมัติทั้งทางบก อากาศ และน้ำ

เม็ดเงินการลงทุนของรัฐบาลจีนคาดว่าจะส่งประโยชน์ให้กับบรรดาเอกชนยักษ์ใหญ่หลายรายของจีน อาทิ เครืออาลีบาบากรุ๊ป และหัวเว่ย ภายใต้ยุทธศาสตร์ “เมด อิน ไชน่า 2025” ซึ่งประธานาธิบดีสี ต้องการให้จีนเป็นมหาอำนาจโลกอันดับหนึ่งครบทุกด้าน

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดกระแสชาตินิยมทางด้านเทคโนโลยีภายในจีน และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศลงทั้งหมดให้ได้ในที่สุด

นางมาเรีย กว๊ก ผู้อำนวยการ ดิจิตอล ไชน่า โฮลดิงส์ เอกชนด้านสินทรัพย์ของจีนในฮ่องกง กล่าวว่า ยุทธศาสตร์นี้เป็นการวัดดวงของรัฐบาลจีนเพื่อผงาดเป็นผู้ชนะในศึกทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ซึ่งถือว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลก

รายงานระบุว่า งบประมาณมหาศาลดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงบประจำปีที่กำลังรอการอนุมัติจากสภาประชาชนจีนที่กำลังจะเปิดประชุมสมัยสามัญในเดือนพ.ค.นี้ หลังเลื่อนมาเพราะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งจีนอ้างว่าควบคุมได้แล้ว

งบประมาณประจำปีดังกล่าวยังรวมถึงงบด้านโครงการก่อสร้างของรัฐบาลอีก 5.63 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 18 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ถดถอยมากที่สุดตั้งแต่ยุคประธานเหมาเจ๋อตุงยังเป็นผู้นำจีน เนื่องด้วยโรคโควิด-19

เอกชนส่วนหนึ่งที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ข้างต้นยังรวมถึงบริษัทลูกของ อาลีบาบา ที่รับผิดชอบพัฒนาระบบประมวลผลขั้นสูงบนคลาวด์ และเท็นเซ็นต์ โฮลดิงส์ ตลอดจนหัวเว่ยที่ได้กล่าวไปแล้ว

อย่างไรก็ดี นายหนานหนาน โก๋ หัวหน้าแผนกวิจัยแผนยุทธศาสตร์จากบลูมเบิร์กเอ็นอีเอฟ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเทศสหรัฐ มองว่า ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าการทุ่มงบประมาณมหาศาลนี้ของจีนจะนำไปสู่เป้าหมายที่ผู้นำจีนวางเอาไว้ได้ในอนาคต

นายโก๋ ระบุว่า ที่ผ่านมาในอดีต รัฐบาลจีนเคยทุ่มงบประมาณมหาศาลโดยเล็งผลเลิศมาแล้วหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดกลับเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสำหรับผลระยะยาว ส่วนใหญ่แล้วได้ผลลัพธ์ระยะสั้นแทบทั้งหมด

“ผมคิดว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ของจีนจะนำไปสู่การรวบตัวกันที่เหนียวแน่นยิ่งขึ้นของบรรดาเอกชนผู้นำด้านไอทีในจีน นำไปสู่การเพิ่มจำนวนของบริษัทที่จะมีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยเฉพาะด้านอินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง หรือไอโอที ภายในปี 2568”

ทั้งนี้ จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่กำลังพยายามช่วงชิงความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของโลกหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ในจำนวนนี้ ยังมีเกาหลีใต้ด้วย

ความพยายามของรัฐบาลจีนในการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีนั้นสามารถเห็นได้ชัดจากการรุกคืบด้านส่วนแบ่งการตลาดโลกในการตั้งเสา 5จี สามารถเอาชนะค่ายเอริคสันจากสวีเดนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเหลือเพียงร้อยละ 10 เช่นเดียวกันกับ ไอบีเอ็ม ที่กำลังสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้กับจีนด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน