สเปซเอ็กซ์ส่ง2นักบินอเมริกัน ฉลุยสู่อวกาศ ทรัมป์ร่ายยาวเลือดรักชาติ
สเปซเอ็กซ์ส่ง2นักบินอเมริกัน – เอพี รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. เวลา 15.22 น. ตามเวลาสหรัฐ การปล่อยจรวดฟอลคอน 9 บรรทุกแคปซูลดรากอนของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ที่มีนักบินอวกาศชาวอเมริกัน 2 คนขององค์การนาซาโดยสาร ทะยานจากแผ่นดินอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีสู่วงโคจรอย่างราบรื่นตามแผนแล้ว
การปล่อยยานครั้งนี้เป็นความพยายามครั้งที่สอง ต่อจากการปล่อยยานรอบแรกวันที่ 27 พ.ค. ซึ่งต้องระงับไป 17 นาทีก่อนถึงกำหนด เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย
กระทั่งครั้งนี้ จรวดทะยานจากฐานที่เคยส่งยานอพอลโล 13 ของศูนย์อวกาศเคนเนดี รัฐฟลอริดา เป็นผลสำเร็จ สร้างภารกิจครั้งประวัติศาสตร์ที่นำนักบินอวกาศทะยานขึ้นจากแผ่นดินอเมริกา เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ท่ามกลางบรรยากาศเลือดรักชาติพลุ่งพล่าน มีฝูงชนที่เฝ้าชมตะโกนคำว่า ยูเอสเอ ยูเอสเอ อย่างฮึกเหิม
นักบินชาวอเมริกันที่เดินทางออกไป ได้แก่ นายดักลาส หรือ “ดั๊ก” เฮอร์ลีย์ วัย 53 ปี และนายโรเบิร์ต หรือ “บ็อบ” เบห์นเคน วัย 49 ปี ทั้งสองต่างก็มีประสบการณ์ยาวนานในงานด้านการสำรวจอวกาศ ทั้งยังเคยขึ้นปฏิบัติภารกิจในห้วงอวกาศมาแล้วสองครั้ง ส่วนการเดินทางไปสถานีอวกาศนานาชาติครั้งนี้ คำนวณไว้ว่าจะใช้เวลา 19 ชั่วโมง
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้าร่วมชมการปล่อยยานดรากอน ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีด้วยตนเอง ก่อนเปิดแถลงร่ายยาวชื่นชมทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่นาซา บริษัทสเปซเอ็กซ์ นายอีลอน มัสก์ นายใหญ่ของสเปซเอ็กซ์ ล้วนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่เป็นสองรองใคร และไม่ต้องพึ่งพาชาติอื่น (รัสเซีย) คอยส่งนักบินอวกาศอีก
นายทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่าการสนับสนุนด้านอวกาศทั้งหมดของรัฐบาลเป็นไปตามที่ตนบอก คืออเมริกาต้องมาก่อน
นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศ โดยเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของวงการธุรกิจขนส่งอวกาศ ซึ่งจะเปิดเสรีให้ภาคเอกชนอย่างเช่นโบอิ้งและสเปซเอ็กซ์เข้ามาประกอบการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่
ขณะที่นาซาคาดว่าจะมอบหมายให้บริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินภารกิจทั้งหมดที่เป็นการขนส่งมนุษย์ขึ้นสู่วงโคจรต่ำของโลกหลังจากนี้
นายจิม บริดเดนสไทน์ ผู้บริหารนาซา กล่าวว่า ภารกิจอวกาศครั้งนี้อยู่ในช่วงที่ไวรัสโคโรนาระบาดคร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วเกิน 1 แสน ทั้งยังเกิดเหตุพิพาทฮือประท้วงทั่วอเมริกา กรณีตำรวจผิวขาวจับกุมชายผิวดำ จอร์จ ฟลอยด์ถึงแก่ความตาย
“นี่อาจเป็นโอกาสสำหรับอเมริกาที่จะหยุดพัก มองขึ้นไปข้างบนและเห็นแสงส่องสว่าง เป็นจังหวะแห่งความหวังที่บ่งบอกถึงอนาคต ว่าสหรัฐอเมริกาทำสิ่งพิเศษสุดขึ้นมาได้ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก” ผู้บริหารนาซา กล่าว
……
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :