2หมื่นตันไหลสู่แม่น้ำในอาร์กติก – วันที่ 4 มิ.ย. บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังน้ำมันดีเซล 20,000 ตัน รั่วไหลลงสู่งแม่น้ำภายในมหาสมุทรอาร์กติก จากถังเชื้อเพลิงที่พังถล่มของโรงไฟฟ้า โนริลสค์ นิกเกิล ผู้ผลิตนิกเกิลและแพลเลเดียมชั้นนำของโลก ใกล้เมืองโนริลสค์ ดินแดนครัสโนยาร์สค์ เขตไซบีเรีย เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ค.

AFP

ในการประชุมที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ผู้นำรัสเซียตำหนิ นายเซียร์เกย์ ลีปิน ประธานของโนริลสค์นิกเกิล อย่างรุนแรงถึงการรับมือน้ำมันที่รั่ว พร้อมตั้งคำถามถึงหน่วยงานรัฐบาลว่า ทำไมเพิ่งทราบปัญหานี้หลังเกิดเหตุมาแล้ว 2 วัน และจริงหรือไม่ที่ทราบจากสื่อสังคมออนไลน์ด้วย

ก่อนหน้านี้ นายอเล็กซานเดอร์ อุสส์ ผู้ว่าการเมืองโนริลสค์ รายงานต่อประธานาธิบดีปูตินว่า ทราบเหตุการณ์น้ำมันที่รั่วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย. หลังมีข้อมูลเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์

AFP

ประธานาธิบดีปูตินสั่งการสอบสวนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้จัดการโรงไฟฟ้าถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่นั้นมา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะมีการส่งกองกำลังพิเศษไปที่เกิดเหตุเพื่อช่วยปฏิบัติการทำความสะอาดน้ำมันที่รั่ว

สาเหตุเกิดจากเสาที่ค้ำรองรับถังเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าเริ่มทรุดลงบนเพอร์มาฟรอสต์ (permafrost) หรือพื้นดินอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ซึ่งละลายอย่างต่อเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่อุ่นขึ้น โดยน้ำมันที่รั่วไหลออกไปจากจุดเกิดเหตุ 12 กิโลเมตร เปลี่ยนผืนแม่น้ำอันบาร์นายาเป็นสีแดงเข้ม กินพื้นที่ 350 ตารางกิโลเมตร

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกเสียงเตือนจากกลุ่มผู้เคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่ระบุว่า ด้วยพื้นที่น้ำมันที่รั่วและภูมิศาสตร์ของแม่น้ำ การทำความสะอาดจะเป็นไปความยากลำบาก

นายอเล็กเซย์ คนิจนีคอฟ ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนสัตวป่าโลก กล่าวว่า ปริมาณน้ำมันที่รั่วมากเป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์รัสเซียยุคใหม่ ขณะที่ กรีนพีซ เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทเอกซอน วัลเดซ ในรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2532

ด้าน นายโอเล็ก มิตวอล อดีตรองประธานฝ่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม หน่วยงานกำกับดูแลทรัพยากรธรรมชาติของรัสเซีย กล่าวว่า ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ในเขตอาร์กติกมาก่อน การทำความสะอาดมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 100,000 ล้านรูเบิล (ราว 45,000 ล้านบาท) และต้องใช้ระยะเวลา 5-10 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน