เอเอฟพีรายงานว่า การหายหน้าไปจากสาธารณชนของนางหลิว เซีย อายุ 56 ปี ภรรยาของนายหลิว เสี่ยวปอ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่เพิ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับ เมื่อเดือนก.ค. ทำให้ทนายนางหลิวยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.

AFP

นายจาเร็ด เกนเซอร์ ทนายความชาวอเมริกัน กล่าวว่าก่อนการหายตัวไปนั้น นางหลิวถูกหน่วยงานด้านความมั่นคงของจีนติดตามตัวอย่างใกล้ชิด แม้จะมีภาพการร่วมงานศพของสามีและมีภาพเผยแพร่สู่โลกภายนอกวันที่ 15 ก.ค. แต่จากนั้นก็หายไป จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลจีนนำหลักฐานมาแสดงว่านางหลิวยังมีชีวิตอยู่และคืนเสรีภาพให้ติดต่อกับบุคคลอื่นได้ในทันที

REUTERS

การจากไปของนายหลิว เสี่ยวปอ อดีตผู้นำนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตย และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2553 ที่ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำด้วยอาการป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย นอกจากทำให้จีนจีนถูกตำหนิจากรัฐบาลชาติตะวันตก และกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ยังทำให้จีนถูกเรียกร้องให้คืนอิสรภาพแก่นางหลิว ผู้ประสบชะตากรรมน่าเศร้าตั้งแต่เป็นคู่ชีวิตนายหลิว

นางหลิว เซีย ภรรยาหลิว เสี่ยวปอ / AFP PHOTO / Shenyang Municipal Information Office” – NO MARKETING – NO ADVERTISING CAMPAIGNS – DISTRIBUTED AS A SERVICE TO CLIENTS

จากรายงานของบีบีซี หลิว เซีย นายหลิว เสี่ยวปอ นักเขียนมือดีและอาจารย์มหาวิทยาลัย เริ่มรู้จักนางหลิว ในฐานะลูกศิษย์ ผู้มีพรสวรรค์ในด้านการเขียน ทั้งสองมีอายุต่างกัน 6 ปี

นายหลิวผ่านเหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งจบลงพร้อมกับความพ่ายแพ้ของนักศึกษา ถูกควบคุมตัวในหน่วยงานงานลับเป็นเวลาปีกว่า ต้องหย่าร้างกับภรรยาคนแรกเพื่อให้ภรรยาพาลูกชายลี้ภัยไปอยู่สหรัฐ

AFP PHOTO /

หลังสูญเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการงานและครอบครัว นายหลิวได้พบกับหลิว เซียะ ซึ่งมีพื้นเพมาจากครอบครัวนายธนาคารของรัฐระดับสูง เดิมหญิงสาวเป็นที่คาดหวังว่าจะได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับเลือกเส้นทางที่มั่นคงมาสู่งานเขียนที่รัก

เมื่อปี 2539 นายเสี่ยวปอถูกรัฐบาลจีนจองจำอีกครั้ง หลังจากไปเรียกร้องอิสรภาพให้เพื่อนนักศึกษา จึงถูกส่งไปอยู่ในค่ายแรงงานทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นางหลิวต้องเดินทางฝ่าความทุรกันดารกว่า 1,600 กิโลเมตรจากกรุงปักกิ่งเพื่อเยี่ยมบุรุษอันเป็นที่รักทุกๆ เดือน

ทั้งคู่จัดงานแต่งงานกันในโรงอาหารของค่ายแรงงาน แต่ทางการจีนก็ยังไม่ลดละเข้ามาขัดขวางเส้นทางความรัก โดยไม่รับรองการแต่งงานในครั้งนี้

หลังจากนายหลิวถูกปล่อยตัว ก็ย้ายมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของหญิงสาว ท่ามกลางการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากรัฐบาลจีน รวมถึงการกดดันให้หยุดเขียนวิจารณ์รัฐบาลและเรียกร้องประชาธิปไตย

นายเทียนฉี มาร์ติน-เหลียว เพื่อนของคู่รักนี้ กล่าวว่า ชีวิตของทั้งสองไม่เป็นส่วนตัวนัก มักจะมีคนมาที่บ้านของทั้งคู่เพื่อขอให้ช่วยเหลือจากความอยุติธรรม ซึ่งแน่นอนนายหลิวมักจะยื่นมือเข้าช่วยเสมอ

การชุมนุมรำลึกนายหลิวที่ฮ่องกง / AFP PHOTO / DALE DE LA REY

ขณะที่รัฐบาลก็ยังควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างงานวันเกิดของหลิว เซีย ที่มีมิตรสหายส่งของมาให้แต่ถูกขัดขวางโดยตำรวจ แม้แต่เค้กวันเกิดตำรวจก็ยังห้าม โดยให้เหตุผลในเรื่องความปลอดภัยของทั้งสอง

แต่หลิว เสี่ยวปอก็ไม่เคยคิดที่จะล้มเลิกการทำงานเช่นนี้ แม้ว่าจะถูกรัฐบาลแทรกแซงชีวิตส่วนตัวก็ตาม กระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อนายหลิวรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการในชิ้นงานบทบัญญัติที่ 8 เรียกร้องให้จีนหยุดปกครองโดยรัฐบาลพรรคเดียว และต้องเปิดกว้างด้านเสรีภาพและประชาธิปไตยมากขึ้น

ต่อมาหลิว เสี่ยวปอจึงถูกจับกุม ศาลตัดสินจำคุกนาน ถึง 11 ปี นายหลิวกล่าวครั้งสุดท้ายในศาลเมื่อปี 2552 ว่า ตลอดปีที่ผ่านมา แม้ตนไม่มีอิสระ ความรักเต็มไปด้วยความขมขื่นที่ซึบซับมาจากโลกภายนอก แต่ก็ได้ดื่มดำกับรสชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ความรักจากผมสำหรับคุณเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและเสียใจกับทุกครั้ง ทำให้ผมต้องเดินซัดเซในน้ำหนักของความรัก” นายหลิวกล่าวคำแถลงในชั้นศาล

ต่อมาในปี 2553 เมื่อนายหลิวได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นางหลิวถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลตรึงกำลังรอบบริเวณอพาร์ตเมนต์ ถูกตัดขาดจากบุรุษอันเป็นที่รัก ช่วงเวลาที่ถูกจองจำในบ้านกว่า 2 ปีนั้นทำให้นางหลิวต้องกลายเป็นโรคซึมเศร้า

เมื่อนายหลิวได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือนจำมารับการรักษาขณะที่มะเร็งตับ ทั้งสองได้พบกันในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะต้องลาจากกันไปตลอดกาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน