โควิด : มหา’ลัยสหรัฐ “ติดไวรัส” พุ่ง 8,000 คน วอนป้องกัน-หวั่นแพร่เชื้อกลุ่มเสี่ยง
โควิด : มหา’ลัยสหรัฐ – วันที่ 4 ก.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานสถานการณ์ใน สหรัฐอเมริกา ยังน่าเป็นห่วง เพราะไม่เพียงรั้งอันดับ 1 ประเทศที่มีผู้ป่วย โรคโควิด-19 สะสมมากที่สุดในโลกถึง 6,336,000 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 191,114 ราย แต่ยังเผชิญวิกฤตมีกลุ่มเยาวชนติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
มหาวิทยาลัยจอร์เจีย (ยูจีเอ) ในเมืองเอเธนส์ รัฐจอร์เจีย แถลงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 24-30 ส.ค. พบว่ามีผู้ติดไวรัสมรณะมากถึง 821 คน เป็นนักศึกษา 798 คน และเจ้าหน้าที่อีก 23 คน
นายเจรี มอร์เฮด ประธานมหาวิทยาลัยจอร์เจีย กล่าวแสดงควาามเป็นห่วง พร้อมเรียกร้องให้นักศึกษา รวมทั้งคณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ปฏิบัติตามคำแนะนำป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
และว่ามหาวิทยาลัยแบ่งห้องเกือบ 400 ห้อง ทั้งในหอพัก และศูนย์การศึกษาจอร์เจียเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับนักศึกษาและบุคคลของมหาวิทยาลัยที่จำเป็นต้องแยกเฝ้าระวังอาการ หรือแยกกักตัวเพราะป่วยด้วยโรคโควิด-19
ด้าน นายไมก์ พาร์สัน ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี แถลงว่าช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่นตรวจพบว่ามีนักศึกษาเกือบ 7,000 คนป่วยเป็นโรคโควิด-19 “วิทยาลัยบางแห่งในมิสซูรีมีอัตราตรวจพบเชื้อเป็นบวกใน 1 วัน สูงถึง 45 เปอร์เซ็นต์” นายพาร์สันระบุ
และว่าแม้เยาวชนซึ่งส่วนใหญ่สุขภาพร่างกายแข็งแรง อาจมีอาการป่วยเล็กน้อย และหายจากโรคดังกล่าวได้รวดเร็ว แต่คนกลุ่มนี้อาจแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้สูงวัยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและมีแนวโน้มว่าไม่อาจรักษาให้หายได้ นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญว่าทำไมกลุ่มคนรุ่นใหม่ควรเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: